วิทย์ควบคุมธรรมชาติ พุทธควบคุมจิต

ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์จะมุ่งเน้นศึกษากันแต่เฉพาะเรื่องทางวัตถุ โดยจะมุ่งเน้นค้นหาความจริงของธรรมชาติ เพื่อที่จะควบคุมธรรมชาติ และแสวงหาผลประโยชน์จากธรรมชาติให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในทางศาสนาจะมองว่าเป็นการกระทำไปตามอำนาจของกิเลสพวกความโลภ คืออยากได้ความสุขจากวัตถุ อันได้แก่ความสุขจากการดูทางตา จากการฟังทางหู จากการดมทางจมูก จากการลิ้มรสทางลิ้น และจากการได้สัมผัสทางเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งความอยากของจิตใจมนุษย์นั้น เมื่อมันได้ตามที่ใจอยากแล้ว มันก็จะรู้สึกอิ่มหรือพอใจอยู่สักพัก แต่ไม่นานมันก็จะเกิดความอยากขึ้นมาใหม่อีก ซึ่งความอยากใหม่นี้มันก็จะมีความรุนแรงมากขึ้นอีกเรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วมันก็ย่อมที่จะสร้างปัญหาให้กับผู้ที่อยากอย่างไม่รู้จักจบสิ้น

พุทธศาสนามองว่า ความสุขนั้นเป็นเหยื่อล่อหรือกับดักของธรรมชาติ ที่ล่อลวงให้มนุษย์มาหลงติดอยู่ เมื่อใครมาหลงติด ก็ย่อมที่จะถูกนำเอาไปเป็นทาสหรือเอาไปฆ่าในที่สุด คือมนุษย์เรานั้นเมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็อยากจะได้ความสุข แต่การที่จะได้ความสุขมานั้น มันก็ต้องแลกด้วยความทุกข์ เพราะความสุขกับความทุกข์มันเป็นธรรมชาติที่คู่กับ เมื่อมีความสุขก็ย่อมมีความทุกข์ตามมาก ยิ่งมีสุขมาก ก็ย่อมมีทุกข์มากตามมา ถ้าไม่ต้องการความสุข ก็ไม่ต้องมีความทุกข์ สุดท้ายมนุษย์ก็ไม่ได้อะไรเลยเมื่อความตายมาถึง ความสุขหรือทุกข์ ที่แม้จะเคยได้รับมาอย่างมากมายจากอดีตทั้งชีวิตก็ได้หายไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นการศึกษาค้นคว้าของวิทยาศาสตร์ในทางวัตถุจึงเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ เพราะเป็นการกระทำที่ส่งเสริมกิเลส ที่ทำให้จิตเกิดความทุกข์มากยิ่งขึ้นกว่าธรรมดา

พุทธศาสนาจะสอนให้ควบคุมจิตหรือดับกิเลส คือทำให้ความอยากลดน้อยลง ตลอดจนทำให้หมดสิ้นไปอย่างถาวร (คือตลอดชีวิต) คือพุทธศาสนามองว่าการตามใจความอยากนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความทุกข์ แต่ถ้าปรารถนาจะพ้นทุกข์ ก็ต้องมาขัดใจความอยากด้วยการหยุดความอยาก เมื่อหยุดความอยากได้ จิตใจก็จะไม่มีความทุกข์ เมื่อจิตไม่มีความทุกข์มันก็สงบเย็นหรือที่เราเรียกกันว่านิพพาน (แม้เพียงชั่วคราว) ซึ่งนี่คือประโยชน์สูงสุดหรือสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน

สรุปได้ว่า วิทยาศาสตร์ต้องการควบคุมธรรมชาติ เพื่อแสวงหาความสุขจากธรรมชาติด้วยอำนาจความอยากของจิตใจ แต่ยิ่งได้ความสุข ปัญหาที่สร้างความทุกข์แก่ร่างกายและสร้างความทุกข์แก่จิตใจก็ยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนพุทธศาสนาจะสอนให้ควบคุมจิตไม่ให้เกิดความอยาก เมื่อไม่มีความอยาก ปัญหาที่จะสร้างความทุกข์แก่ร่างกายและสร้างความทุกข์แก่จิตใจก็จะไม่เกิดขึ้น วิทยาศาสตร์จึงต้องมีพุทธศาสนามาช่วยนำทาง จึงจะเดินไปในทางที่ถูกต้อง คือมีความทุกข์ทางจิตใจลดน้อยลงตลอดจนไม่มีเลยได้ รวมทั้งมีเจริญทางด้านจิตใจนำหน้าความเจริญทางด้านวัตถุ หรือผู้คนมีความเห็นแก่ตัวลดน้อยลง แต่เห็นแก่ผู้อื่นมากยิ่งขึ้น แล้วสังคมก็จะสงบสุข โลกก็จะมีสันติภาพ

เตชปัญโญ ภิกขุ

อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี

๑๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.whatami.net

*********************
หน้ารวมบทความ
*********************