ศาสนาวิทยาศาสตร์

คำว่า ศาสตร์ (ศาสตรา-อาวุธ) หมายถึง เครื่องมือที่ใช้แก้ปัญหา ซึ่งก็หมายถึง ความรู้ที่มนุษย์นำมาใช้แก้ปัญหาต่างๆของชีวิต โดยศาสตร์ต่างๆของมนุษย์นั้นมีมากมาย เช่น ไสยศาสตร์ โหราศาสตร์ อักษรศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันวิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่กำลังเจริญก้าวหน้าที่สุด และผู้คนยอมรับที่สุด แล้วทำไมปัจจุบันจึงไม่มีศาสนาที่ใช้หลักวิทยาศาสตร์เป็นหลักในการศึกษาและปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหาให้กับมนุษยชาติบ้าง

ก่อนอื่นเราต้องรู้ก่อนว่า วิทยาศาสตร์ คือความรู้ที่เกิดขึ้นมาจากการสังเกตปรากฏการของธรรมชาติ ซึ่งวิทยาศาสตร์นี้เป็นวิธีการค้นหาความจริงของธรรมชาติ ทั้งในเรื่องของวัตถุและจิตใจ ที่ได้ผลเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก และสร้างความเจริญทางวัตถุให้แก่มวลมนุษย์เป็นอย่างมาก โดยหลักที่เป็นหัวใจของวิทยาศาสตร์นั้นก็สรุปได้ ๔ ข้ออันได้แก่

๑. ศึกษาจากของจริง ที่เราสามารถสัมผัสหรือพิสูจน์ได้

๒. ศึกษาโดยใช้เหตุผล จากสิ่งที่มีอยู่จริง ที่เราสามารถสัมผัสหรือพิสูจน์ได้

๓. ศึกษาอย่างเป็นระบบ คือ จากพื้นฐานไปหายอด จากง่ายไปหายาก มีการแตกกิ่งก้านสาขาออกไปอย่างเป็นระบบ และมีการสรุปเนื้อหาและบันทึกไว้เอย่างเป็นระเบียบ เป็นต้น

๔. พิสูจน์ก่อนเชื่อ คือจะเชื่อว่าหลักการหรือทฤษฎีใดถูกต้องหรือเป็นความจริง ก็ต่อเมื่อได้มีการพิสูจน์จนเห็นผลอย่างแน่ชัดก่อนแล้วเท่านั้น

ส่วนศาสนานั้นเป็นเรื่องของความเชื่อ ที่มีไว้เพื่อแก้ปัญหาของจิตใจของมนุษย์ และเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ โดยปัญหาของจิตใจมนุษย์นั้นก็มีทั้ง เรื่องของความทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน กับเรื่องความทุกข์ที่เกิดขึ้นมาจากความกังวลใจ ในเรื่องของชีวิตในโลกหน้า ส่วนหลักในการดำเนินชีวิตนั้น ศาสนาก็จะสอนให้รู้จักใช้ชีวิตเพื่อไม่ให้ชีวิตมีความเดือดร้อน และให้สังคมมีความสงบสุข รวมทั้งช่วยให้โลกมีสันติภาพ ซึ่งแต่ละศาสนาก็จะมีหลักในการสอนแตกต่างกันไปตามพื้นเพของสติปัญญาของผู้คน จึงทำให้โลกมีศาสนาหลายศาสนาที่มีหลักความเชื่อที่แตกต่างกัน

เมื่อศาสนาเป็นเรื่องความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล แต่วิทยาศาสตร์เป็นเรื่องของความจริงที่มีเหตุผล จึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกัน ไม่สามารถเข้ากันได้ ดังนั้นเรื่องศาสนาที่เป็นวิทยาศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่ดูว่าจะเป็นไปไม่ได้

แต่ถ้าเราจะนำเอาหลักวิทยาศาสตร์ มาใช้เป็นเครื่องมือในการแก้ปัญหาของจิตใจ และนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตได้โดยไม่ใช้ความเชื่อใดๆ วิทยาศาสตร์ก็จะกลายเป็นศาสนาไปทันที และถ้ามีศาสนาวิทยาศาสตร์ขึ้นมาในโลก ผู้คนที่มีหลักวิทยาศาสตร์อยู่ในจิตใจ หรือคนที่ไม่มีศาสนาก็จะยอมรับทันที ซึ่งนี่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้คนจำนวนมากที่ไม่มีศาสนาอยู่ในโลก

พุทธศาสนาในปัจจุบันนั้น มีคำสอนอยู่ ๒ ระดับ คือศีลธรรม (คำสอนระดับพื้นฐาน) กับ ปรมัตถธรรม (คำสอนระดับสูง) ซึ่งหลักคำสอนของศีลธรรมนั้น เป็นหลักคำสอนเพื่อให้ชีวิตมีความปกติสุขและช่วยให้สังคมสงบสุข รวมทั้งช่วยให้โลกมีสันติภาพ โดยศีลธรรมนี้เป็นคำสอนสำหรับคนทั่วไปที่ยังมีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไม่เพียงพอ เช่น เด็กและชาวบ้านทั่วไป

ส่วนคำสอนระดับสูงนั้น เป็นคำสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน โดยคำสอนระดับสูงนี้จะมีหลักการปฏิบัติที่เหมือนกับหลักวิทยาศาสตร์ คือ ศึกษาจากร่างกายและจิตใจของเราเองในปัจจุบัน โดยใช้เหตุผลจากร่างกายและจิตใจของเราเองในปัจจุบันมาพิจารณา และมีการศึกษาตั้งแต่พื้นฐาน (คือเรื่องความทุกข์) ไปหาจุดสูงสุด (คือดับทุกข์ได้ถาวร) อย่างเป็นระบบ รวมทั้งต้องมีการพิสูจน์จนเห็นผลจริงก่อนจึงค่อยปลงใจเชื่อ

คำสอนระดับศีลธรรมในพุทธศาสนานั้น ปัจจุบันได้มีคำสอนของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูเข้ามาผสมปลอมปนอยู่ด้วยมากมายโดยชาวพุทธไม่รู้ตัว จึงได้มีคำสอนที่มีแต่ความเชื่ออยู่เต็มไปหมด จึงทำให้คนที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่ไม่ยึดติดในศาสนาใดๆมองว่า พุทธศาสนาก็เป็นศาสนาธรรมดาๆ ที่สอนให้มีแต่ความเชื่อเหมือนกับทุกศาสนาของโลก รวมทั้งยังเข้าใจว่าพุทธศาสนาเป็นเพียงสาขาหรือนิกายหนึ่งของศาสนาฮินดูเท่านั้น

คำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านั้น คือคำสอนระดับสูง ที่เป็นคำสอนสอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันโดยใช้หลักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นหลักในการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันนี้ จึงเป็นคำสอนที่แตกต่างจากทุกศาสนา เพราะไม่ใช้ความเชื่อใดๆ แต่จะสอนให้เกิดปัญญาที่เข้าใจและเห็นแจ้งชีวิต ที่คนที่มีหัวใจเป็นวิทยาศาสตร์จะต้องชอบใจ จึงเรียกได้ว่าคำสอนระดับสูงของพระพุทธเจ้านี้ เป็นศาสนาวิทยาศาสตร์

สรุปได้ว่า พุทธศาสนานั้นมีทั้งคำสอนศีลธรรม สำหรับคนทั่วไปที่ใช้ความเชื่อเหมือนศาสนาทั่วไป ที่เคลือบอยู่ภายนอก และมีทั้งคำสอนระดับสูงเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันที่เป็นวิทยาศาสตร์ ที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าที่เป็นวิทยาศาสตร์นี้เอง ที่ชาวพุทธควรสนใจนำมาศึกษาและปฏิบัติกันอย่างจริงจัง เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า และขอให้ช่วยกันนำคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้านี้มาเผยแผ่แก่ชาวโลก เพื่อช่วยให้คนที่กำลังมีความทุกข์ได้หลุดพ้นจากความทุกข์ และช่วยให้โลกมีสันติภาพตามเจตนารมณ์ของพระพุทธเจ้ากันต่อไป

เตชปัญโญ ภิกขุ

อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี

๗ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.whatami.net

*********************
หน้ารวมบทความ
*********************