ความขัดแย้งระหว่างความเชื่อกับความจริง

************

เรื่องศาสนา

ชาวพุทธที่ไม่ได้ศึกษาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะมีความเชื่อกัน (ผิดๆ) ว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตั้งศาสนาขึ้น และเป็นผู้ประกาศศาสนาแก่ชาวโลก จนเกิดพุทธศาสนาขึ้นมาในโลก

แต่ในความเป็นจริงนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนหรือตั้งศาสนา เพราะศาสนาเป็นเรื่องของความเชื่อ ที่อาจสร้างความแตกแยกได้ พระพุทธเจ้าจะสอนเฉพาะเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ที่ต้องใช้เหตุผลและความจริงมาสร้างปัญญา สำหรับนำมาปฏิบัติคู่กับสมาธิโดยมีศีลเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น โดยหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าเรื่องการดับทุกข์นี้ เป็นหลักวิทยาศาสตร์ ที่จะสอนเฉพาะบุคคลที่พอจะมีสติปัญญาเท่านั้น ส่วนบุคคลที่ยังมีสติปัญญาน้อยนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงเมตตาสอนเหมือนกันแต่ไม่เน้น เพราะมีผู้สอนกันอยู่โดยมากแล้วในลัทธิและศาสนาอื่นๆ ดังนั้นไม่ว่าใครจะนับถือหรือมีความเชื่ออย่างไรก็ตาม จึงไม่เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า

คือสมัยพุทธกาลนั้นมีคนเขาสนใจค้นหาวิธีการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์กันอยู่มากมาย จนทำให้เกิดลัทธิ (คำสอนเรื่องการดับทุกข์) ขึ้นมามากมาย (เดียรถีย์ แปลว่า ท่าจอดเรือ ซึ่งหมายถึง เจ้าลัทธิ) ซึ่งพระพุทธเจ้าก็เป็นหนึ่งในผู้ค้นหาทางพ้นทุกข์นั้นด้วย และเมื่อทรงค้นพบวิธีการดับทุกข์ (หรือตรัสรู้อริยสัจ ๔) แล้ว พระองค์ก็ได้นำเอาวิธีการของพระองค์มาสอนแก่ผู้สนใจ แต่ไม่ได้เรียกว่าเป็นศาสนา เพราะคำว่าศาสนามันมีความหมายกว้างมาก ทรงเรียกว่า พรหมจรรย์ ที่หมายถึง การประพฤติปฏิบัติเพื่อความบริสุทธิ์ ซึ่งก็หมายถึง การปฏิบัติเพื่อให้จิตหลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง เมื่อจิตไม่มีกิเลสก็จะไม่มีความทุกข์ทางจิตใจ ที่เป็นปัญหาที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับมนุษย์ทุกคน แต่ต่อมาคนรุ่นหลังได้เอาคำสอนดั้งเดิมของพระพุทธเจ้ามาดัดแปลงแก้ไข และเพิ่มเติมคำสอนนอกศาสนา (คือเอาคำสอนของฮินดูหรือพราหมณ์เข้ามาปะปน) เข้ามา แล้วบอกว่านี่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหมด จนเกิดเป็นพุทธศาสนาขึ้นมา

โดยปัจจุบันพุทธศาสนาศาสนานั้น มีคำสอนหลากหลายมากมาย ซึ่งก็มีทั้งคำสอนเรื่องจิต (อภิธรรม) หลักปรัชญาชีวิต นิทานธรรมะสอนเด็ก และคำสอนเพื่อความปกติสุขในชีวิตปัจจุบัน กับคำสอนเพื่อความอุ่นใจว่าเมื่อตายไปแล้วจะสุขสบาย (คำสอนระดับศีลธรรม) รวมทั้งคำสอนเรื่องการดับทุกข์ด้วย (คำสอนระดับปรมัตถธรรม)  โดยปัจจุบัน คำสอนที่แท้จริงเรื่องการดับทุกข์ของพระพุทธเจ้า ที่เป็นวิทยาศาสตร์ ได้ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ผิดเพี้ยนไป จนกลายเป็นเรื่องไสยศาสตร์หรือความเชื่อไปในที่สุด จึงทำให้ผู้ที่ศึกษาในปัจจุบันไม่เข้าว่า แท้จริงพระพุทธเจ้าสอนอะไร?

ปัจจุบันนั้นศาสนาเป็นสิ่งที่ได้รับการปลูกฝังกันมานาน จนกลายเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกไปเสียแล้ว ยากมากจนถึงกับว่าทำไม่ได้เลยที่จะให้คนเรามาเปลี่ยนศาสนากันง่ายๆ และเมื่อศาสนาเป็นความเชื่อ ดังนั้นแต่ละศาสนาจึงมีหลักคำสอนแตกต่างกัน เพราะมีความเชื่อที่แตกต่างกันตามอำนาจของอวิชชา (ความไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้) ซึ่งเมื่ออวิชชาเกิดขึ้นก็ทำให้คนเกิดกิเลส (ความอยากได้ ไม่อยากได้ และลังเลใจ) แล้วก็เกิดความเห็นแก่ตัว แล้วก็เบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งกามารมณ์ของผู้อื่น

ต้นกำเนิดของทุกศาสนานั้น มีจุดประสงค์ที่บริสุทธิ์อยู่ที่เพื่อกำจัดอวิชชาและกิเลส เพื่อให้มนุษย์มีความปกติสุขและโลกมีสันติภาพ แต่เพราะมนุษย์โง่เขลาจึงได้เอาศาสนามาเป็นเครื่องมือของกิเลสเพื่อแสวงหาทรัพย์สินและชื่อเสียงรวมทั้งทำร้ายผู้อื่นไปเสีย จนทำให้ศาสนากลายเป็นสิ่งที่สร้างความขัดแย้งและแตกแยกกันไปในที่สุดอย่างเช่นปัจจุบัน

สรุปได้ว่า พระพุทธเจ้าไม่ได้สร้างหรือสอนศาสนา พระพุทธเจ้าสอนเฉพาะวิธีการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบันเท่านั้น แต่มนุษย์ที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้นำเอาหลักคำสอนของพระพุทธเจ้ามาดัดแปลง (ปลอมปนเปลี่ยนแปลง) ขึ้นใหม่แล้วเรียกว่าเป็นศาสนาของพระพุทธเจ้า (พุทธศาสนา) ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่รู้และเข้าใจว่าคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร จะต้องนำเอาหลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่ให้ชาวโลกได้รู้ เพื่อที่ชาวโลกจะได้รับประโยชน์จากคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้ากันต่อไป

เตชปัญโญ ภิกขุ

อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี

๒๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘

ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.whatami.net

*********************
หน้ารวมบทความ
*********************