ศาสนาคริสต์ ๑. กำเนิด ศาสนาคริสต์กำเนิดขึ้นภายหลังพุทธศาสนา 543 ปี ณ ดินแดนประเทศปาเลสไตล์ปัจจุบัน ซึ่งศาสนาคริสต์นี้จะสืบทอดมาจากศาสนายูดาห์ หรือศาสนายิว โดยศาสนายูดาห์จะเชื่อว่ามีพระเมสิอาห์หรือพระคริสต์มาเกิดเพื่อช่วยเหลือชาวยิวที่ถูกกดขี่ครอบงำอยู่ในขณะนั้น. ๒. สิ่งเคารพสูงสุด ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประเภทเทวนิยม คือมีพื้นฐานความเชื่อว่ามีเทพเจ้าที่มีอำนาจสูงสุดที่มีอำนาจเหนือธรรมชาติ ซึ่งมีชื่อว่า พระยะโฮวาห์ (GOD) โดยพระผู้เป็นเจ้านี้จะเป็นผู้ที่ดลบันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไป คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลง และดับสลายไป. ๓. ศาสดา พระเยซูทรงเป็นผู้ก่อตั้งศาสนาคริสต์ โดยเริ่มแรกพระองค์ทรงนับถือศาสนายูดาห์มาก่อน ต่อมาพระองค์ทรงอ้างว่าพระองค์ทรงเป็นบุตรของพระเจ้า(พระคริสต์)ที่มาไถ่บาปให้แก่มวลมนุษย์ตามคำสอนของศาสนายูดาห์ จึงทำให้ชาวยิวที่นับถือศาสนายูดาห์ไม่พอใจและได้ยุยงให้ทางกรุงโรมซึ่งปกครองชาวยิวอยู่ในขณะนั้นจับตัวพระเยซูไปทรมานด้วยการตรึงไว้บนไม้กางเขน และทุบตีจนตายหลังจากพระองค์ทรงสอนศาสนามาได้ 3 ปีเท่านั้น และมีพระชนมายุเพียง 30 พรรษา. ๔. คัมภีร์ ตำรารวบรวมคำสอนของศาสนาคริสต์มีชื่อว่า "ไบเบิ้ล" ซึ่งประกอบด้วยหนังสือ 66 เล่ม แบ่งออกเป็น 2 ภาค คือ 1. พระคัมภีร์เดิม (พันธสัญญาเดิม) ซึ่งเป็นคัมภีร์เดิมในศาสนายูดาห์ 2. พระคัมภีร์ใหม่ (พันธสัญญาใหม่) ซึ่งเขียนขึ้นใหม่โดยสาวกของพระเยซูหลายคน คัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้ถือว่าเป็นพจนะของพระเจ้า ซึ่งเรียกว่าพันธสัญญา คือสัญญาที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ โดยคัมภีร์ทั้งสองต่างกันคือ คัมภีร์เดิมเป็นสัญญาที่พระเจ้ามีต่อชาวยิวเท่านั้น แต่คัมภีร์ใหม่เป็นสัญญาที่พระเจ้ามีต่อมวลมนุษย์ทั้งปวง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ศาสนาคริสต์ขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว. ๕. สรุปหลักคำสอน คำสอนของศาสนาคริสต์จะอยู่ในคัมภีร์ใหม่
ส่วนใหญ่เป็นคำสอนในระดับศีลธรรม และการปฏิบัติในชีวิตประจำวัน
โดยเน้นไปที่ความเชื่อมั่นในพระเจ้า คือเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริง
และปฏิบัติตามที่พระจ้าสั่งไว้โดยผ่านมาทางพระเยซู. ส่วนคำสอนในระดับอภิปรัชญานั้นถูกแต่งขึ้นโดยสาวกรุ่นใหม่ ที่บวกเอาแนวคิดของนักปรัชญาเช่นอริสโตเติ้ลของในยุคนั้นเข้าไว้ จึงทำให้ศาสนาคริสต์มีความแข็งแกร่งทางภูมิปัญญามาก. ๖. จุดหมายสูงสุด จุดหมายสูงสุดของศาสนาคริสต์คือ การได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร โดยมีความเชื่อมาดั้งเดิมว่าจะมีพระเมสสิอาห์(พระคริสต์)มาเกิดและมาช่วยไถ่บาปให้มวลมนุษย์พ้นจากบาป และได้ไปอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร ซึ่งวันนั้นจะเรียกว่า วันของพระเจ้า คือเป็นวันที่คนชั่วคนบาปจะถูกลงโทษ ส่วนคนที่เชื่อมั่นในพระเจ้าจะได้ไปอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร. ๗. ความเชื่อและหลักปฏิบัติ ชาวคริสต์จะเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างมนุษย์ โดยมีอาดัมกับอีฟเป็นมนุษย์คู่แรก และเลี้ยงไว้ในสวนอีเดนของพระองค์ ซึ่งแต่แรกอาดัมกับอีฟยังมีจิตที่บริสุทธิ์ ต่อมาถูกปีศาจงูยุให้กินผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว จึงทำให้จิตไม่บริสุทธิ์(คือรู้ว่าอะไรดีอะไรชั่ว) พระเจ้าทรงสาปให้ทั้งคู่ต้องมีบาปนิรันดร และมีลูกหลานสืบต่อกันไป โดยได้สร้างโลกให้ทั้งคู่อาศัยอยู่ จนกว่าที่ใครจะได้กินผลไม้ที่ทำให้กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ได้ ก็จะได้กลับไปอยู่กับพระเจ้าชั่วนิรันดร. สรุปว่าชาวคริสต์เชื่อว่าชีวิตนี้มีเพียงชีวิตเดียว คือถ้าตายแล้วจะต้องถูกพิพากษาจากพระเจ้า ถ้าทำชั่วก็จะตกนรก ถ้าเชื่อมั่นในพระเจ้าและทำดีก็จะได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่กับพระเจ้า. ๘. นิกาย นิกายในศาสนาคริสต์มี 3 นิกายด้วยกันคือ ๑. นิกายโรมันคาทอลิค (คาทอลิคแปลว่าสากล) คือเป็นศาสนาสากลของคนทั่วโลก โดยมีพระสันตปาปาแห่งนครวาติกันในกรุงโรมประเทศอิตาลี่เป็นประมุขครองศาสนจักรและนักบวชทั่วโลก ซึ่งนครวาติกันนี้เป็นศูนย์กลางของคาทอลิคและเป็นรัฐอิสระปกครองตนเองโดยไม่ขึ้นกับประเทศอิตาลี่. ๒. นิกายกรีซออร์ธอดอกซ์
ซึ่งนิกายนี้ไม่ขึ้นกับพระสันตปาปาแห่งนครวาติกันในกรุงโรม
แต่ปฏิบัติพิธีกรรมเช่นเดียวกับนิกายโรมันคาทอลิค. ๙. ผู้สืบทอด ผู้สืบทอดของศาสนาคริสต์นั้นก็มีพระนักบวช หรือบาทหลวงที่ทำหน้าที่เผยแพร่และไถ่บาปประจำอยู่ที่โบสถ์คริสต์ โดยทุกวันอาทิตย์จะมีผู้มาสวดมนต์และสารภาพบาปต่อบาทหลวง ซึ่งการสารภาพบาปถือว่าจะทำให้หมดบาปได้ถ้าตั้งใจจริง. ๑๐. ประทศที่นับถือ หลังจากเกิดนิกายโปรแตสแต๊นท์แล้วก็เกิดนิกายต่างๆขึ้นอีกมากมาย เช่นนิกายแองกลิกันที่เป็นศาสนาประจำชาติของอังกฤษ , นิกายเพรสบีทีเรียนของสก็อตต์แลนด์, ในสหรัฐก็มีนิกายแบบตีส,มอร์มอน,เควเกอร์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป และมีประปรายในทุกๆประเทศ ทั่วโลก. ๑๑. วันสำคัญทางศาสนา ๑. วันวาเลนไทม์ ๒. วันฮาโลวีน ๓. วันคริสมาส ๔. วันขึ้นปีใหม่ เป็นต้น ๑๒. สถานที่สำคัญทางศาสนา สถานที่ที่พระเยซูทรงประสูติ อยู่ที่กรุงยูซาเล็ม ปัจจุบันอยู่ในการครอบครองของประเทศอิสราเอล. |