ตื่นเถิดคนยากจนกำลังจะอดตาย

ในปัจจุบันประเทศของเรากำลังประสบกับปัญหามากมาย ทั้งเรื่องปัญหาฝนแล้ง น้ำท่วม ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และปัญหาทางสังคม เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด ปัญหาเด็กติดเกมส์ ปัญหาโจรขโมย ปัญหาคนว่างงาน ปัญหาโรคเอดส์ และปัญหาจากวัยรุ่น เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่สังคมเราอยู่ในปัจจุบัน

แต่ปัญหาที่สำคัญที่กำลังสร้างความทุกข์ความเดือดร้อนให้แก่คนที่ยากจนอย่างยิ่งก็คือ ปัญหาเรื่องการทำมาหากิน โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง และผู้ใช้แรงงานทั้งหลาย ที่จัดว่าเป็นบุคคลระดับรากหญ้าที่มีพระคุณต่อสังคม ที่ผลิตอาหารมาให้เรากินโดยใช้แรงกายและความยากลำบากเข้าแลก โดยผู้คนเหล่านี้กำลังประสบกับรายได้ที่ต่ำ แต่รายจ่ายสูง จนทำให้เกิดความเดือดร้อนและเป็นหนี้เป็นสิน จนทำให้สิ้นเนื้อประดาตัวกันไปมากต่อมากแล้ว

สาเหตุที่ทำให้ชาวไร่ ชาวนา ต้องประสบกับความเดือดร้อนนั้นก็มีหลายสาเหตุด้วยกัน ซึ่งปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งก็มาจากภัยธรรมชาติ คือฝนแล้งบ้าง น้ำท่วมบ้าง โรคระบาดบ้าง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งที่เกิดมาจากการที่ป่าไม้ของเราถูกทำลายลงอย่างมากมาย จนทำให้เกิดความเสียสมดุลทางธรรมชาติ จึงได้เกิดภัยธรรมชาติเหล่านี้ขึ้นมาอย่างรุนแรงในปัจจุบัน ซึ่งเรื่องนี้ใครๆก็ทราบดีแต่ว่าก็ยังแก้กันไม่ได้ ซึ่งสาเหตุที่แก้ไม่ได้ก็เพราะความเห็นแก่ตัวของบุคคลบางกลุ่มที่มีอำนาจ ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรป่าไม้ จึงทำให้ป่าไม้ที่ช่วยสร้างฝน และป้องกันน้ำท่วมให้แก่เกษตรกรถูกตัดโค่นทำลายลงอย่างมากมายจนแทบไม่มีเหลือ จึงทำให้เกิดภัยพิบัติขึ้นแก่เกษตรกรในที่สุด

แต่ยังมีสาเหตุสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ “การถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางที่เห็นแก่ตัว” โดยในปัจจุบันเกษตรกรที่ผลิตข้าว ผลิตผักผลไม้ และอาหารที่จำเป็นแก่ชีวิตของเราได้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลางและผู้มีอำนาจ จนทำให้ต้องขายผลผลิตในราคาต่ำ ทั้งๆที่ต้นทุนในการผลิตกลับสูงขึ้น จนทำให้แทบไม่ได้กำไรในการขายผลผลิตเลย หรือบางครั้งก็จำเป็นต้องขายทั้งๆที่ขาดทุน ซึ่งนี่นับเป็นปัญหาสำคัญกว่าปัญหาจากภัยธรรมชาติเสียอีก หรือจะเรียกว่าเป็นภัยจากมนุษย์ที่เห็นแก่ตัวก็ว่าได้ หรือจะเรียกว่าเกษตรกรกำลังถูกปล้นอย่างหน้าด้านๆจากคนที่เห็นแก่ตัวก็ว่าได้

ยังไม่เท่านั้น ยังมีปัญหาที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “การไม่ได้รับการดูแลจากสังคม” คือแทนที่เมื่อเกษตรกรที่มีพระคุณต่อสังคมกำลังเดือดร้อน สังคมจะรีบเข้ามาช่วยเหลือ แต่กลับเป็นว่าเกษตรกรเหล่านี้กลับถูกทอดทิ้ง ไร้คนเหลียวแล จนบางคนถึงกับฆ่าตัวตายเพราะความเครียดจากหนี้สินที่ท่วมตัว ส่วนที่ทนอยู่ได้ก็เพราะชินชากับความทุกข์ยากนี้เสียแล้ว เหมือนวัวควายที่ถูกใช้งานอย่างหนักเสียจนเคยชินต่อความยากลำบากไปเสียแล้ว แม้บางคนจะรวมตัวกันประท้วง แต่ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังสักทีจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ การแก้ไขก็ทำเพียงให้ชาวไร่ชาวนาหยุดประท้วงไปชั่วคราวเท่านั้น ส่วนปัญหานั้นก็หาได้หมดสิ้นไปอย่างแท้จริงไม่

เมื่อคนยากคนจน ชาวไร่ ชาวนา ต้องประสบปัญหา ทั้งจากภัยธรรมชาติที่สังคมร่วมกันสร้างขึ้น ทั้งจากพ่อค้าคนกลางที่คอยแต่จะเอารัดเอาเปรียบ และจากสังคมที่ไม่เหลียวแลอย่างจริงจัง จึงทำให้ผู้คนที่ถูกยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของชาติ กำลังเหมือนพ่อแม่ที่กำลังป่วยหนักใกล้ตาย แต่ก็ยังต้องทนทำงานหนักเพื่อเลี้ยงลูกให้สุขสบาย แต่ลูกกลับไม่สนใจพ่อแม่ ลูกเอาแต่งตัวหรูหรา ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เที่ยวเตร่เฮฮา เสพความสนุกสนานเพลิดเพลิน ไม่สนใจศึกษาเล่าเรียน อีกทั้งยังไม่คิดแม้จะช่วยพ่อแม่ทำงาน ไม่คิดแม้แต่จะช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งของพ่อแม่ รวมทั้งยังไม่สนใจว่าพ่อแม่จะทุกข์ยากเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสกันอย่างไรบ้าง ต่อเมื่อพ่อแม่ป่วยหนักถึงขั้นโค่ม่าหรือใกล้ตายเข้าจริงๆ ก็ค่อยจึงมาปั๊มหัวใจเอาไว้ไม่ให้ตาย เพื่อให้กลับไปทำงานต่อสักครั้งหนึ่ง ซึ่งมันก็เป็นเช่นนี้มาช้านานแล้ว จนชาวไร่ชาวนาในปัจจุบัน จะเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตอยู่แล้ว แม้จะอยู่ในสังคมก็ถูกผู้คนดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นคนยากจนต่ำต้อยน่ารังเกียจ

นี่หรือมนุษย์ที่เรียกว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเสริฐ แม้เพียงผู้มีพระคุณต่อตนเองอย่างยิ่งก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณ แล้วอย่างนี้จะสมควรเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ได้อย่างไร แม้สัตว์เดรัจฉาน มันก็ยังไม่ทำกับพ่อแม่ของมันถึงขนาดนี้ แม้สัตว์เดรัจฉานที่เราว่ามันโง่เขลา แม้มันจะไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ของมัน แต่มันก็ไม่เคยทำให้พ่อแม่ของมันต้องน้ำตาตก หรือเดือดร้อนอย่างที่มนุษย์เรากำลังทำกันอยู่ในสังคมเราปัจจุบัน แล้วอย่างนี้เราจะเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ที่มีจิตใจสูงกว่าสัตว์ได้อย่างไร? เรามิกลายเป็นสัตว์ที่ต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานบนโลกนี้หรือ?

เพราะอะไรจึงเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น? ก็เพราะความโง่เขลาของผู้คนที่มั่งมีในสังคม ที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่คนอื่น จะเอาแต่ความสุขให้ตัวเองและพวกพ้อง โดยการเอารัดเอาเปรียบคนที่ไม่ใช่พวกพ้องตัวเอง และเห็นคนยากคนจน และชาวไร่ชาวนาเป็นเหมือนทาสที่ต่ำต้อย ที่มีเอาไว้รับใช้ตนเองโดยได้รับค้าจ้างเพียงเล็กน้อย หรือเหมือนผักเหมือนปลา ที่มีเอาไว้ฆ่ากินเนื้อกินเลือดอย่างเอร็ดอร่อยไร้ความปราณี หรือเหมือนกับวัวควาย ที่มีเอาไว้ใช้แรงงาน แต่ให้กินเพียงหญ้ากับน้ำประทังชีวิตเท่านั้น

คนมั่งมีที่เห็นแก่ตัวนี้ย่อมคิดว่า ตนเองจะสามารถเอารัดเอาเปรียบคนยากคนจนอยู่เช่นนี้ตลอดไปได้ โดยหารู้ไม่ว่า การเนรคุณต่อผู้มีพระคุณนั้นจะมีโทษมหันต์ตามมาในภายหลัง เพราะเมื่อคนยากคนจนอยู่ไม่ได้ แล้วคนมั่งมีอยู่จะได้อย่างไร เมื่อคนยากคนจนที่อดอยากมีเต็มบ้านเต็มเมือง เขาก็พร้อมที่จะกลายมาเป็นโจรได้ทุกเมื่อ แล้วสังคมจะสงบสุขได้อย่างไร? หรือเมื่อคนที่ถูขี่คอต้องล้มลง แล้วคนที่เคยขี่คอคนอื่นอย่างสุขสบายก็จะต้องมาเดินเองบ้าง แล้วทีนี้ความทุกข์ความเดือดร้อนก็จะมาถึง

ตื่นเถิดทุกคนที่กำลังเสวยสุขเหมือนเทวดานางฟ้า ตื่นเถิดทุกคนที่กำลังสนุกสนานเฮฮาเหมือนเด็กโง่ไร้สมอง ตื่นจากความลุ่มหลงในความสุขสนุกสนานทั้งหลาย แล้วมองดูอนาคตที่กำลังจะเกิดความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ตื่นจากความฝันอันแสนหวาน แล้วมองดูคนที่กำลังขมขื่นใกล้จะตายรอบๆตัว น้ำกำลังจะท่วมบ้าน ไฟกำลังไหม้บ้าน พายุลูกใหญ่กำลังจะมา แผ่นดินกำลังจะทรุดตัว แต่เรากลับไม่สนใจ เรากลับปิดหูปิดตาไม่ยอมมองความจริง ว่าภัยมหันต์กำลังคืบคลานเข้ามาแล้วทุกขณะ ถ้าเรายังหลับใหลลุ่มหลงกันอยู่เช่นนี้ต่อไป อนาคตจะเป็นอย่างไร สักวันในไม่ช้า แม้อาหารจะกินประทังชีวิต แม้บ้านที่จะให้อาศัยกันแดดกันฝน เราก็จะไม่มี ความอดอยากหิวโหยก็จะเกิดขึ้น โรคระบาดก็จะตามมา ผู้คนก็จะแย่งชิงอาหารและทำร้ายกัน ความตายก็จะเป็นเรื่องปกติ แล้วเราก็ต้องไปอ้อนวอนขอให้ประเทศอื่นเขามาช่วย ประเทศเรามิต้องกลายเป็นทาสของประเทศชาติอื่นเขาโดยจำยอมหรือ?

เมื่อตื่นแล้วจะทำอย่างไร? เมื่อตื่นแล้วก็หยุดความลุ่มหลงในความสุขที่เกินจำเป็นทั้งหลาย และหันมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ลด ละ เลิกความเห็นแก่ตัว เลิกกอบโกยแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง เลิกการเอารัดเอาเปรียบหรือเบียดเบียนคนอื่น เลิกทะเลาะกัน หันมารักใคร่สามัคคีกันโดยไม่แบ่งชนชั้นวรรณะและศาสนา แล้วมาทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง ด้วยความขยันอดทน ต่อจากนั้นก็ต้องมาร่วมมือกันช่วยเหลือสังคม ช่วยเหลือคนยากคนจน และชาวไร่ชาวนาที่ใกล้จะตาย ให้เขากลับพื้นและมีชีวิตที่มีอนาคตที่สดใสร่วมกับเรา เท่านี้ความสงบสุขก็จะกลับคืนมาสู่ประเทศชาติของเราอย่างมั่นคง แต่ถ้าเรายังหลับใหลกันอยู่เช่นนี้ต่อไป ภัยมหันต์ก็ย่อมที่จะมาถึงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงในไม่ช้า

เตชปญฺโญ ภิกขุ. ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๑
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)