ทำไมเด็กไทยปัญญาทึบ? ระยะนี้มีข่าวการวิจัยพบว่าเด็กไทยช่วงอายุ ๑๐ กว่าขวบมีไอคิวต่ำกว่ามาตรฐาน คือมาตรฐานปานกลางจะต้อง ๙๐ ถึง ๑๑๐ แต่เด็กไทยกลับมีแค่ ๘๐ กว่าๆ ซึ่งจัดว่าเป็นระดับ"เด็กปัญญาทึบ" ถ้าต่ำกว่า ๘๐ ลงไปจัดว่าเป็นระดับ"เด็กปัญญาอ่อน" ซึ่งนี่แสดงว่าเด็กไทยใกล้จะเป็นเด็กปัญญาอ่อนเข้าไปมากแล้วในปัจจุบัน ทำไมจึงเป็นเช่นนี้? ซึ่งถ้าจะค้นหาสาเหตุแล้วก็จะพบว่ามีอยู่หลายสาเหตุด้วยกัน คือถ้าดูจากสภาพแวดล้อมแล้วเราก็จะพบว่าเด็กไทยแทบจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ช่วยให้เกิดปัญญาเลย ตัวอย่างที่เด่นชัดก็คือสิ่งที่เด็กชอบเสพ อันได้แก่โทรทัศน์ ภาพยนตร์ ดนตรี เพลง หนังสือการ์ตูน และเกมส์คอมพิวเตอร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เด็กชอบเสพมากที่สุด และเป็นสิ่งที่แทบไม่ส่งเสริมให้เกิดปัญญาเลย แต่กลับจะส่งเสริมให้โง่เขลามากยิ่งขึ้น คือมีแต่เรื่องความสนุกสนานเพลิดเพลินเท่านั้น ไม่มีเรื่องการใช้ความคิด เรื่องการใช้เหตุผล หรือเรื่องการทำสิ่งที่ดีงามอยู่เลย ถึงจะมีก็น้อยมาก จนเทียบไม่ได้กับเรื่องที่ส่งเสริมให้โง่เขลา และถ้าจะถามต่อไปว่าทำไมสิ่งที่เด็กชอบเสพเหล่านี้จึงไม่ส่งเสริมให้เกิดปัญญา? ก็ตอบง่ายๆได้ว่าเพราะธุรกิจ คือสิ่งเหล่านี้จะทำมาเพื่อเอาเงินจากเด็กให้ได้มากที่สุด โดยไม่สนใจว่าเด็กจะได้อะไรไป หรือเด็กจะต้องสิ้นเปลืองเงินไปมากเท่าไร และไม่สนใจว่าพ่อแม่ที่ให้เงินเด็กไปนั้นจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นอีกเท่าไร รวมทั้งไม่สนใจแม้กระทั่งว่าเด็กจะโง่เขลามากขึ้นเท่าไรก็ตาม นี่เรียกว่าเป็นความเห็นแก่ตัวอย่างที่สุดของนักธุรกิจที่หากินกับเด็ก ซึ่งเขาอาจไม่คิดถึงว่าต่อไปเมื่อเด็กโตขึ้นแล้วเป็นคนโง่เต็มบ้านเต็มเมืองแล้วประเทศชาติของเราจะเป็นอย่างไร ตัวอย่างต่อไปก็คือเรื่องการเรียน ซึ่งการเรียนของเด็กไทยก็เน้นแต่เรื่องการท่องจำ ไม่เน้นเรื่องการใช้ความคิด ไม่เน้นเรื่องเหตุผล รวมทั้งไม่เน้นเรื่องการปฏิบัติ การเรียนก็เป็นการเรียนแต่เรื่องวิชาการเรื่องความรู้ที่ไกลตัวและมากมายจดจำไม่หวาดไม่ไหว ใครจำได้มากก็ว่าเก่ง ว่าฉลาด แต่นำเอาไปใช้อะไรให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงไม่ได้ ถ้าใครคิดนอกกรอบหรือแหวกแนวหน่อยก็จะถูกมองว่าเพ้อเจ้อหรือไม่เคารพครูอาจารย์ ส่วนวิชาชีพก็มุ่งเน้นแต่เรื่องอุตสาหกรรมที่พึ่งตัวเองไม่ได้ ต้องไปทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นหรือชาติอื่นไปตลอดชีวิต ซึ่งก็ยากที่จะเจริญรุ่งเรืองหรือมั่นคงได้ ส่วนเรื่องการเกษตรที่เป็นหัวใจของประเทศชาติที่ให้ทั้งความอิสระและความมั่นคงกลับไม่ค่อยส่งเสริม รวมทั้งเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้แจ้งในชีวิตหรือเรื่องการเป็นคนดีของสังคมกลับไม่มีสอน ตัวอย่างต่อไปก็คือเรื่องความเชื่อ ซึ่งเรามักเชื่ออะไรๆกันโดยไม่ใช้เหตุผล คือเรามักเชื่อตามๆกันมา หรือจากจากผู้อื่น ซึ่งมันเป็นความเชื่อที่ทำให้เราไม่เกิดปัญญา ถ้าเราจะหันมาใช้เหตุผลนำหน้าความเชื่อกันบ้างก็จะทำให้เด็กของเรามีสติปัญญามากขึ้นกว่านี้ ซึ่งเราก็ต้องกล้าหาญที่จะละทิ้งความเชื่อที่อาจจะทำให้เราต้องเสียหน้า หรือขาดผลประโยชน์ลงบ้างเพื่อให้เด็กของเรามีไอคิวมากขึ้นกว่านี้ เด็กนั้นก็เปรียบเหมือนผ้าขาวที่ยังไม่ได้ย้อมสีลงไป ถ้าเราย้อมสีใดลงไปในครั้งแรก สีนั้นก็จะติดผ้านั้นไปตลอด ยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นก็อยู่ที่คนย้อมคือเราทุกคนที่เป็นคนย้อมเด็กว่าจะให้เป็นอย่างไร ซึ่งเราก็ต้องลดละความเห็นแก่ตัวลงบ้าง ไม่แสวงหาผลประโยชน์จากเด็กอย่างที่กำลังเป็นอยู่ และเสียสละเพื่อเด็ก เพื่อสังคมกันบ้าง ก่อนที่จะสายเกิน หรือก่อนที่สังคมจะล่มสลาย เตชปัญโญ ภิกขุ อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
|