สังคมที่มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันนั้น เป็นสังคมของคนที่เห็นแก่ตัว เมื่อสามารถเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นได้ก็จะรีบทำทันที ไม่ว่าวิธีนั้นจะผิดศีลธรรมหรืออาจจะผิดกฎหมายก็ตาม ซึ่งก็จะทำให้คนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบนั้นเดือดร้อน และคนดีที่มีอยู่น้อยในสังคมจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
คนโง่ย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด นี่เป็นภาษิตที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย คนโง่จึงเป็นเหมือนสัตว์เดรัจฉาน หรือพวกกุ้ง หอย ปู ปลา ที่มีไว้ให้คนจับเอามาฆ่ากิน
คนโง่เป็นคนที่ไร้ความคิด ไร้สติพิจารณาแยกแยะเรื่องถูกผิด ไม่รู้เรื่องที่เป็นประโยชน์ ชอบแต่เรื่องที่ไร้สาระ จุดเด่นของคนโง่คือถูกชัดจูงได้ง่าย ใครเขาพูดอะไรก็เชื่อ ใครเขาทำอะไรให้เห็นก็เชื่อ ทั้งๆที่การพูดนั้นอาจจะเป็นการพูดโกหกก็ตาม หรือการทำนั้นอาจจะเป็นการแสดงตบตาก็ตาม
คนที่เชื่อจากการสื่อต่างๆที่เขาประโคมข่าวให้ใหญ่โตก็ยังจัดว่าโง่อยู่ เพราะสื่อทั้งหลายนั้นนั้นก็ยังอาจจะมีอำนาจหรือผลประโยชน์ต่างๆมาบิดเบือนได้อยู่ดี แม้หนังสือบางเล่มหรือบางอย่างก็เขียนขึ้นมาด้วยคนโง่หรือด้วยคนที่ต้องการบิดเบือนความจริงก็ยังมีคนโง่เชื่อกันเต็มไปหมด
เหตุผลนับเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้คนฉลาดขึ้น แต่เหตุผลก็ต้องระวัง เพราะคนเราสามารถสร้างเหตุผลขึ้นมาหลอกกันได้ หรือสร้างหลักฐานปลอมขึ้นมาหลอกกันได้ คนที่โง่น้อยก็อาจเป็นปลาตายน้ำตื้นได้ คือมาโง่เพราะเชื่อเหตุผลตื้นๆที่คนฉลาดกว่าเขาอ้างขึ้นมาหลอกเอาได้
แม้สามัญสำนึกหรือความรู้สึกตื้นๆของจิตใจเรามันก็ยังหลอกเราได้ เพราะความรู้สึกต่างๆของจิตใจเรามันก็จะเป็นไปตามสิ่งภายบนอกที่มาสัมผัส หรือมายั่วยุ ยิ่งถ้ามีการปลุกระดมหรือประชาสัมพันธ์ใหญ่โต เราก็จะยิ่งมีอารมณ์ร่วมอย่างรุนแรงตามไปด้วย ชนิดที่ยอมตายแทนคนที่เราเชื่อถือได้อย่างง่ายดาย คนโง่ตายมามากแล้วด้วยเพราะความโง่ไม่รู้เท่าทันเรื่องสามัญสำนึกของจิตใจตนเอง
การดูจากสภาพภายนอกก็หลอกคนโง่ได้โดยง่าย การสร้างภาพเป็นอุบายของคนที่ฉลาดกว่าเอาไว้หลอกคนโง่ ยิ่งคนที่มีบุคลิกดี หรือมีปริญญาสูงๆ พูดเก่งๆ มีวาทะน่าฟัง ก็ยิ่งสามารรถจูงใจคนโง่จำนวนมากให้คล้อยตามได้โดยง่าย
บางทีเรามีความคิดความเห็นอย่างไรอยู่เป็นพื้นฐานในใจแล้ว พอมีคนมาพูดแล้วมันตรงกับความคิดความเห็นของเรา เราก็เชื่อทันทีโดยไม่มีการพิจารณาไตร่ตรอง ซึ่งความคิดความเห็นของเรานี้มันก็อาจจะผิดอยู่ก่อนโดยเราไม่รู้ตัวก็ได้ ที่นี้ความโง่ก็ได้รับการตอกย้ำให้แน่นหนาขึ้นมาอีก
แม้คนที่เราเคารพนับถือก็ตาม ถ้าเราหลับหูหลับตาเชื่อ เราก็ยังจัดว่าโง่อยู่เหมือนเดิม เพราะบางทีคนที่เราเคารพนับถือนั้นก็อาจเป็นคนโง่พอๆกับเรา หรือเขาเป็นคนเห็นผิด หรือถูกหลอกมาก่อนแล้ว หรือเขาอาจจะเป็นคนคดในข้อคือหลอกใช้เราก็ได้ สมัยนี้ผลประโยชน์ทำให้คนดีกลายเป็นคนเลวไปได้ง่ายๆ
สังคมปัจจุบันถ้าเราโง่เราก็จะตกเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาดกว่าเราทันที คนโง่ไม่มีทางได้รับความสุขสบายที่แท้จริงได้ คนโง่ไม่มีทางเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคงได้จริง เพราะความโง่นั้นเองที่จะมาทำลายความสุขสงบและความเจริญรุ่งเรือง
เมื่อมีความโง่ ที่เป็นความไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้อยู่เป็นพื้นฐานก็ย่อมที่จะเชื่ออะไรง่ายๆตามที่คนอื่นเขาว่ามา หรือแสดงให้ดู หรือสร้างภาพให้เห็น หรือโฆษณาเสียใหญ่โต หรือยกเอาเหตุผลมาอ้าง หรือเอาหนังสือมาอ้างอิง หรือเชื่อเมื่อมันตรงกับความเห็นที่เรามีอยู่ก่อนแล้ว หรือเชื่อตามสามัญสำนึกของตนเอง และเชื่อแม้จากคนที่เราเคารพนับถือ และเมื่อเชื่อโดยขาดการพิจาณาไตรตรองก็ย่อมที่จะตกเป็นเหยื่อให้เขาหลอกใช้ได้โดยง่าย และผลที่ได้รับก็มีแต่ความเจ็บปวด ทุกข์ทรมาน และความทุกข์ความเดือดร้อน
คนโง่นั้นแม้จะทำอะไรๆก็ย่อมจะทำไปด้วยความโง่ แม้จะทำถูกก็ไม่รู้ว่าถูก แม้จะทำผิดก็ไม่รู้ว่าผิด และความโง่นั่นเองที่จะทำให้ทำอะไรอย่างไม่รู้จริง แล้วการกระทำนั้นก็จะเดินไปหาความผิดพลาดและแม้ปัจจุบันจะสุขสบาย แต่ความโง่นั้นจะสร้างปัญหาหมักหมมเอาไว้ ไม่นานปัญหานั้นก็จะตามมากัดกินคนโง่ให้เดือดร้อนเจ็บปวด ทุกข์ระทม จนกว่าคนโง่นั้นจะฉลาดขึ้น แน่นอนคนเราย่อมที่จะต้องโง่มาก่อน แล้วจึงจะฉลาดได้ในภายหลัง แต่คนเราก็อาจฉลาดขึ้นได้เพราะอาศัยความรู้และประสบการณ์จากผู้อื่น โดยตนเองไม่ต้องลงทุนมาเดือดร้อนก็ได้
คนที่ฉลาดย่อมใช้เหตุผลที่ปรากฏจริงมาใช้ประกอบการพิจารณา เขาจะไม่เชื่อจากคนอื่น แม้จะน่าเชื่อสักเท่าใดก็ตาม และแม้เหตุผลคนที่ฉลาดมีปัญญาก็ยังไม่เทใจเชื่ออย่างเต็มที่ จนกว่าเหตุผลนั้นจะได้รับการพิสูจน์ทดลองจนบังเกิดความเห็นจริงแล้วเท่านั้น คนฉลาดจึงไม่ถูกหลอกใช้ หรือถูกหลอกให้ไปตายเพียงแค่ได้ชื่อว่าเป็นวีรชนหรือคนกล้าเก่ง แล้วทำให้คนที่หลอกนั้นนอนหัวเราะเยาะและเสวยประโยชน์ที่คนโง่สร้างเอาไว้ให้
สถานการณ์บ้านเมืองที่วุ่นวาย เราจะต้องฉลาด อย่าตกเป็นเหยื่อให้ใครหลอกใช้ เราต้องมีสติปัญญาที่เป็นอิสระ ไม่ตกเป็นทาสทางสติปัญญาของใครๆ ไม่อย่างนั้นเรานั้นเองที่จะเป็นคนโง่ให้เขาหลอกใช้ เราต้องหันมาดูตัวเราเอง แก้ไขปัญหาที่ตัวเราเองให้ได้ก่อน เมื่อตัวเราไม่มีปัญหาแล้ว จึงค่อยคิดไปแก้ไขปัญหาให้กับสังคม ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นเตี้ยอุ้มค่อมไปโดยไม่รู้ตัว.
|