เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า

ในปัจจุบันปัญหาที่พ่อแม่มักจะพูดถึงกันบ่อยๆก็คือปัญหาเรื่องลูก คือลูกไม่ชอบทำการงาน ไม่ชอบเรียน  ชอบเที่ยวกลางคืน ใช้เงินเปลือง คบเพื่อนไม่ดี มีแฟนเร็ว ติดสิ่งเสพติด เป็นต้น คือสรุปแล้วลูกจะเป็นคนมีนิสัยดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง ไม่อดทน ชอบความสุขสบาย ชอบความสนุกสนาน และเกียจคร้าน  เป็นต้น

ทำไมเด็กสมัยนี้จึงเป็นเช่นนั้น?  สิ่งสำคัญที่พ่อแม่จำเป็นจะต้องรู้และเข้าใจก็คือเรื่อง จิตใจ  คือพ่อแม่จะต้องเข้าใจว่านิสัยของคนเรานี้มันอยู่ที่จิตใจของเราแต่ละคน ไม่ใช่อยู่ที่อำนาจของดวงชะตาราศีหรือเวรกรรมจากชาติปางก่อนอะไร  หรือมีสิ่งภายนอกอะไรมาดลบันดาลให้เกิดขึ้น ถ้าพ่อแม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ก็จะทำให้เลี้ยงลูกไปตามยถากรรม คือไม่สนใจที่ที่จะอบรมเลี้ยงดูอย่างถูกวิธี เพราะเชื่อว่าไม่สามารถฝืนอำนาจของสิ่งเหล่านี้ได้ ดังนั้นโอกาสที่ลูกจะเป็นเด็กดื้อจึงมีมาก

จุดสำคัญที่พ่อแม่ควรรู้ก็คือเรื่อง จิตประภัสสร หรือจิตที่บริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึงจิตที่ว่างไม่มีนิสัยหรือความยึดถือว่ามีตัวตนของใครๆอยู่เลย เหมือนกับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยังไม่มีโปรแกรมใดๆ จึงยังไม่สามารถทำงานได้

คือเด็กที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นมาใหม่ๆนั้นจิตของเด็กทุกคนจะประภัสสร หรือบริสุทธิ์สะอาด ที่เรามักเรียกว่าเป็นเด็กบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ไม่รู้เรื่องดี ชั่ว ขยัน หรือเกียจคร้านอะไรทั้งนั้น รวมทั้งไม่รู้ว่าตนเองคืออะไรด้วย  ซึ่งธรรมชาติของคนเรานั้นจะมีตา หู จมูก ลิ้น และกายเอาไว้ติดต่อกับโลกภายนอก โดยมีจิตใจคอยรับรู้อยู่ภายในอีกทีหนึ่ง  และเมื่อตา หู จมูก ลิ้น และกายได้รับรู้สิ่งต่างๆภายนอก เช่น ภาพ เสียง กลิ่น รสเป็นต้นบ่อยๆเข้า จิตมันจะสามารถบันทึกหรือจำเอาสิ่งต่างๆที่ได้รับรู้นั้นเอาไว้ในสมอง  เมื่อเริ่มมีความจำมากๆ จิตก็จะค่อยๆรู้จักคิดเป็นขึ้นมา และเมื่อเด็กโตขึ้น ความจำก็จะมากขึ้น พร้อมกับรู้จักคิดเป็นมากขึ้น ซึ่งจิตนี้เองที่เป็นตัวสั่งให้ร่างกายเคลื่อนไหวและปากพูด

เมื่อเราพิจารณามาถึงจุดนี้เราก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่า นิสัยของเราแต่ละคนเรานั้นมันมาจากความทรงจำที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่เริ่มเกิดขึ้นมา  คือการกระทำอะไรที่เราทำบ่อยๆ มันก็จะติดเป็นนิสัยและทำให้ทำสิ่งนั้นไปเรื่อยๆและเพิ่มความเคยชินของนิสัยนั้นขึ้นเรื่อยๆ จนฝังแน่นยากที่จะละเลิกหรือฝืนได้ ที่เรียกว่าเป็นจิตใต้สำนึก  อย่างเช่นเด็กที่พ่อแม่ชอบตามใจมาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นเด็กจึงติดนิสัยเอาแต่ใจตนเอง  หรือเด็กที่พ่อแม่สอนให้ทำงานมาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นเด็กจึงติดนิสัยชอบทำงาน หรือเด็กที่ได้ฟังคำพูดหยาบคายจากคนรอบข้างบ่อยๆ เด็กก็จะเป็นคนชอบพูดคำหยาบคาย เป็นต้น

เมื่อเราเข้าใจแล้วว่านิสัยของคนเรานี้มาจากการสภาพแวดล้อมทั้งหมดที่ได้รับรู้มา ที่ได้กลั่นกรองมาเป็นนิสัยที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน เราก็พอจะมองเห็นแนวทางในการที่จะเลี้ยงดูเด็กให้เป็นคนดีตามที่เราต้องการได้  คือถ้าเราต้องการจะให้เด็กเป็นคนเช่นไรเราก็จะต้องฝึกอบรมสิ่งนั้นให้กับเด็กตั้งแต่ยังเล็ก  คือเริ่มตั้งแต่เด็กเริ่มรู้จักความเลยทีเดียว โดยเริ่มฝึกอย่างง่ายๆหรือเล็กๆน้อยๆไปก่อน แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นตามอายุ  และเมื่อเด็กโตขึ้น เด็กก็จะมีนิสัยเช่นนั้นติดตัวตลอดไป ซึ่งยากที่จะลบเลือน เพราะมันได้ฝังลงไปในจิตใต้สำนึกอย่างหนาแน่นแล้ว

อย่างเช่นถ้าเราจะฝึกให้เด็กเป็นคนรับผิดชอบและขยันทำงาน เราก็ต้องฝึกให้เด็กช่วยงานบ้านมาตั้งแต่ยังเล็ก และทำเป็นประจำโดยเราจะต้องให้เด็กมาช่วยเราทำก่อน เมื่อเด็กทำเป็นแล้วเราก็ค่อยๆปล่อยให้เด็กรับผิดชอบทำเอง  หรือถ้าเราจะให้เด็กเป็นคนรักการเรียน เราก็ต้องฝึกให้เด็กอ่านเขียนมาตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อเด็ก ซึมซาบ เอาการเรียนมาตั้งแต่ยังเล็ก พอโตขึ้นเด็กก็จะรักการเรียน  หรือถ้าเราจะให้เด็กเป็นคนเชื่อฟัง ว่าง่าย เราก็ต้องฝึกใช้งานเด็กทำตามที่เราสั่งมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยไม่ตามใจเด็กในสิ่งที่ผิด  เป็นต้น

การตามใจเด็กในสิ่งที่ผิดหรือไม่ดีและคิดว่าเมื่อโตขึ้นเด็กก็จะเปลี่ยนนิสัยได้เองนั้นเป็นความคิดที่ผิด เพราะเมื่อนิสัยไม่ดีนั้นได้ฝังแน่นลงไปในจิตใต้สำนึกแล้วมันยากที่จะเปลี่ยนให้กลับมาเป็นไปในทางที่ดีได้ อย่างที่โบราณกล่าวไว้ว่า “ไม่อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัดยาก” คือเมื่อเด็กเริ่มรับรู้หรือเริ่มกระทำอะไรขึ้นมาแล้วเด็กก็จะทำสิ่งนั้นต่อไปเรื่อยๆจนเป็นความเคยชิน และสิ่งนั้นก็จะค่อยๆเจริญขึ้นมาเป็นนิสัยที่เลิกได้ยากไปในที่สุด ถึงแม้เด็กเมื่อโตขึ้นจะรู้ตัวแต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยง่าย

พ่อแม่บางคนรักลูกมาก จึงเลี้ยงลูกโดยเอาอกเอาใจและตามใจลูก โดยไม่ยอมฝึกให้ลูกทำงานอะไรเลยแม้แต่งานบ้านเล็กๆน้อยๆ  จะให้ลูกเอาแต่เรียนเพราะคิดว่าเมื่อลูกเรียนจบสูงๆก็จะมีงานสบายทำและมีเงินมาก เมื่อมีเงินก็จ้างคนมารับใช้ได้  ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิด เพราะจะทำให้เด็กไม่มีความอดทน ไม่มีความรับผิดชอบ และเกียจคร้าน ซึ่งความไม่อดทน ความไม่รับชอบและความเกียจคร้านนี้เองที่จะทำให้เด็กไม่ขยันเรียน ไม่รักเรียน เพราะมันไม่สนุกและไม่สบายเหมือนกับตอนที่ไม่ได้เรียน  เมื่อเด็กไม่ขยันเรียน การเรียนก็ตกต่ำ และก็จะทำให้ชีวิตไม่เจริญหรือตกต่ำตามไปด้วย

อีกอย่างที่สำคัญคือการฝึกให้เด็กรู้จักคิด  เพราะการคิดจะทำให้เด็กเป็นคนมีความคิดที่แตกฉานลึกซึ้ง และรู้จักแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี ซึ่งการคิดก็ต้องคิดอย่างมีเหตุผลโดยเอาสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาจริงๆมาสอน ไม่เอาเรื่องไร้สาระหรือไม่มีเหตุผลมาสอน  เราต้องสอนให้เด็กรู้จักเหตุผลที่ผลักดันกันให้เกิดสิ่งต่างๆขึ้นมาอย่างชัดเจน  ซึ่งนี่จะเป็นการสร้างสติปัญญาให้กับเด็ก เพื่อเด็กจะได้มีดวงตาสำหรับใช้ในการดำเนินชีวิต

สรุปได้ว่าการที่เราจะให้เด็กเติบโตมาเป็นคนเช่นไร  เราก็จะต้องเริ่มฝึกนิสัยเช่นนั้นให้กับเด็กมาตั้งแต่ยังเล็ก คือตั้งแต่เด็กเริ่มรู้จักความเลยทีเดียว อย่าปล่อยให้เด็กเริ่มมีนิสัยที่ไม่ดี เพราะนิสัยที่ไม่ดีนั้นมันจะติดตัวมาจนโตและเลิกได้ยาก  แต่พ่อแม่มักจะรักลูกอย่างไม่ถูกต้อง จึงไม่ฝึกให้ลูกทำสิ่งที่ดีมาตั้งแต่ยังเล็ก พ่อแม่จะตามใจลูกแม้จะรู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ดังนั้นเมื่อลูกโตขึ้นลูกจึงเป็นคนมีนิสัยที่ไมดีและเลิกได้ยากหรือไม่ได้เลย  แล้วก็ทำให้พ่อแม่ต้องทุกข์ใจเพราะมีลูกไม่ดีไปในที่สุด.

เตชปัญโญ ภิกขุ

อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี


(ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)


*********************