เลี้ยงลูกให้ถูกทาง

ปัจจุบันสังคมกำลังมีปัญหาเรื่องเด็กวัยรุ่นอยู่มากมาย เช่น ยกพวกตีกัน ติดยาเสพติด ติดเที่ยวกลางคืน ติดเกมส์ ติดเพื่อน ติดแฟน ชอบขับรถซิ่งกวนเมือง มีปัญหาเรื่องเพศสัมพันธ์ ดื้อรั้น ไม่เชื่อฟัง กิริยามารยาทเลวทราม ไม่ทำการงาน ไม่เรียน ฟุ่มเฟือย เป็นต้น ซึ่งทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองปวดหัวกับเด็กสมัยนี้เป็นอย่างมาก แม้จะใช้มาตรการต่างๆมาแก้ไขก็ไม่สามารถแก้ไขได้ จนกลายเป็นปัญหาสังคมไปในที่สุด

เมื่อจะถามว่าทำไมเด็กสมัยนี้จึงเป็นเด็กที่มีปัญหามากเช่นนี้? ก็ต้องตอบว่าเพราะถูกเลี้ยงดูมาไม่ดี ซึ่งบางคนที่มีความคิดเป็นวิทยาศาสตร์ก็จะยอมรับว่าเลี้ยงดูลูกมาไม่ดี หรือไม่มีเวลาให้ลูก จึงทำให้ลูกมีนิสัยไม่ดี แต่บางคนที่มีความคิดอย่างไสยศาสตร์ก็ไม่ยอมรับเพราะเชื่อว่าเลี้ยงลูกมาดีที่สุดแล้ว แต่เป็นเพราะมีสิ่งอื่นมาทำให้ลูกเป็นคนไม่ดี เช่นเชื่อว่าเป็นเพราะดวงชะตาของเด็กเป็นเช่นนั้นเอง หรือเชื่อว่าเป็นเพราะเวรกรรมจากชาติปางก่อน หรือเชื่อว่าผีสางเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้เป็นไป หรือคนที่เชื่อในพระเจ้าก็จะบอกว่าเป็นการดลบันดาลของพระเจ้า เป็นต้น

คนที่เชื่ออย่างไสยศาสตร์ก็ย่อมที่จะปล่อยลูกไปตามยถากรรม คือปล่อยไปตามเรื่อง ไม่สนใจที่จะมาอบรมให้เด็กเป็นไปตามที่ต้องการ เพราะเชื่อว่าไม่สามารถที่จะฝืนกับอำนาจที่มาดลบันดาลได้ เช่น เชื่อว่าไม่สามารถฝืนดวงชะตาได้ หรือไม่สามารถฝืนกับเวรกรรมได้ หรือไม่สามารถฝืนกับอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้ก็หมดหนทางที่จะแก้ไขได้ เพราะมีความเชื่อมาขัดขวาง

ส่วนคนที่มีความเชื่ออย่างวิทยาศาสตร์ก็จะเชื่อเรื่องเหตุผลที่ปรากฏขึ้นจริงในปัจจุบัน คือเชื่อว่าเราสามารถที่จะอบรมเลี้ยงดูเด็กให้เป็นไปตามที่เราต้องการได้ ซึ่งก็ตรงกับหลักพุทธศาสนาที่ว่าจิตของเด็กที่เพิ่งเกิดมาใหม่ๆนั้นจะยังบริสุทธิ์อยู่ แต่เมื่อได้รับรู้สิ่งต่างๆทางตา หู จมูก ลิ้น และกายก็จะเริ่มเกิดเป็นความจำสั่งสมเอาไว้ และเมื่อเวลาผ่านไปนานๆก็จะสั่งสมจนกลายเป็นนิสัยของเด็กคนนั้นไปในที่สุด ซึ่งนิสัยนี้จะเปลี่ยนแปลงได้ยาก เพราะมันมาจากความเคยชินที่สั่งสมเอาไว้อย่างมากมายจากอดีต ยิ่งถ้าจะให้ทำอะไรที่ฝืนกับนิสัยก็จะยิ่งยากขึ้นอีก

ลองสังเกตดูเราก็จะพบว่าคนเรานั้นจะทำและพูดไปตามนิสัยของตนเองเสมอ แต่ก็อาจจะฝืนได้ในกรณีที่จำเป็นหรือต้องการจะฝึกฝนเพื่อเปลี่ยนแปลงนิสัยเสียใหม่ เหมือนคนที่เขียนหนังสือไม่สวย ก็ย่อมที่จะเขียนหนังสือไม่สวยอยู่เสมอไม่ว่าจะเวลาใด และเขียนไม่สวยเรื่อยไปจนตาย แต่คนที่เขียนหนังสือไม่สวยนั้นก็อาจจะมาฝึกเขียนหนังสือให้สวยใหม่ได้ แต่ก็ต้องขยันฝึกเขียนหนังสือใหม่ให้สวยอยู่เสมอ จนเปลี่ยนมาเป็นคนที่เขียนหนังสือสวยได้ในที่สุด

โบราณได้กล่าวเอาไว้ว่า “ไม่อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัดยาก” ซึ่งหมายถึงว่าเด็กนั้นสามารถฝึกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ คือถ้าจะฝึกฝนอะไรให้เด็กนั้นจะง่ายกว่าการฝึกให้กับผู้ใหญ่ เพราะผู้ใหญ่นั้นมีนิสัยอื่นที่จะมาขัดขวางมาก การฝึกจึงทำให้ฝึกได้ยาก แต่เด็กนั้นไม่มีนิสัยอื่นมาขัดขวางมาก จึงทำให้ฝึกได้ง่ายกว่าฝึกผู้ใหญ่

เมื่อมาพิจารณาเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ตามหลักวิทยาศาสตร์เราก็จะพบว่าเกิดมาจากการที่เด็กถูกเลี้ยงดูมาไม่ดีจึงทำให้เป็นคนมีนิสัยไม่ดี ซึ่งก็อาจจะเกิดมาจากการที่พ่อแม่ผู้ปกครองปล่อยปะละเลย หรือมีความเชื่อว่ามีสิ่งอื่นมาดลบันดาลไม่สามารถฝืนได้จึงปล่อยไปตามยถากรรม จนทำให้ลูกมีนิสัยไม่ดีไปในที่สุด

พ่อแม่ทุกคนต้องการที่จะให้ลูกเป็นคนดี คือเชื่อฟัง ว่าง่าย ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ ไม่เกเร มีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย ไม่เห็นแก่ตัว กตัญญูรู้คุณ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งถ้าเป็นพ่อแม่ที่เชื่อหลักไสยศาสตร์ก็ย่อมที่จะไม่สามารถทำให้ลูกเป็นไปตามที่ต้องการได้ แต่พ่อแม่ที่มีเหตุผลและยึดถือหลักวิทยาศาสตร์ก็ย่อมที่จะรู้จักวิธีการที่จะฝึกฝนให้ลูกหลานเป็นคนดีได้ตามที่ต้องการได้เช่น ถ้าจะให้ลูกเป็นคนขยันก็ต้องฝึกให้ลูกทำงาน หรือถ้าจะให้ลูกเป็นคนประหยัดก็ต้องฝึกให้ลูกรู้จักคุณค่าของเงินไม่ให้ใช้เงินฟุ่มเฟือย หรือถ้าจะให้ลูกเป็นคนรักเรียนก็ต้องฝึกให้ลูกเรียน เขียน อ่านอยู่เสมอ หรือถ้าจะให้ลูกเป็นคนว่าง่ายก็ต้องฝึกให้ลูกเป็นคนมีเหตุผล หรือถ้าจะให้ลูกเป็นคนมีกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อยก็ต้องฝึกกิริยาวาจาให้เรียบร้อย หรือถ้าจะให้ลูกเป็นคนกตัญญูก็ต้องฝึกให้ลูกทำงานจนติดการทำงานแล้วลูกก็จะเลี้ยงดูพ่อแม่เมื่อแก่เฒ่าได้ เป็นต้น

ถ้าเราอยากจะให้ลูกเป็นเช่นไร เราก็ต้องฝึกนิสัยเช่นนั้นให้แก่ลูก ซึ่งก็ต้องฝึกมาตั้งแต่ยังเล็กที่สุด ไม่ใช่จะมาฝึกเอาตอนโตแล้ว ซึ่งมันจะมีนิสัยอื่นที่มาขัดขวางไม่ให้ฝึกได้ง่ายๆ อย่างที่มีผู้กล่าวเอาไว้ว่า “เมื่อเข้าอนุบาลก็สายไปเสียแล้ว” คือแค่เพียงอายุ ๓ หรือ ๔ ขวบก็มีนิสัยที่อาจจะไม่ดีติดตัวเสียแล้ว ซึ่งนิสัยที่ไม่ดีนี้มันก็จะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆจนกลายเป็นนิสัยที่ไม่ดีอื่นๆเกิดขึ้นมาอีกได้มากมาย และก็ยากที่จะมาเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้ ดังนั้นจุดนี้จึงเป็นจุดสำคัญ คือจะต้องเริ่มฝึกมาตั้งแต่ยังเล็กที่สุด อย่างเช่นการที่เด็กเอาแต่ใจก็เพราะพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่ยังเล็กๆจนเคยตัว หรือเมื่อเด็กร้องไห้ พ่อแม่ก็จะยอมตามใจลูก จนลูกมีวิธีการที่จะให้พ่อแม่ตามใจด้วยการร้องไห้ซึ่งก็จะได้ผลทุกครั้งจนทำให้เด็กมีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง หรือถ้าพ่อแม่ให้ลูกกินหรือใช้อย่างฟุ่มเฟือย ลูกก็จะติดนิสัยฟุ่มเฟือย ไม่ประหยัด หรือถ้าพ่อแม่ไม่ฝึกให้ลูกทำงานบ้านตั้งแต่ยังเล็ก เมื่อโตขึ้นลูกก็จะเป็นคนเกียจคร้านและไม่มีความรับผิดชอบ เป็นต้น

สมัยนี้พ่อแม่ส่วนมากจะตามใจลูก ยิ่งถ้าพ่อแม่เป็นคนมีทรัพย์ก็จะยิ่งตามใจ จนทำให้ลูกมีนิสัยไม่ดีต่างๆมากมายและก็ทำให้พ่อแม่ปวดหัวอยู่ทุกวันนี้ แม้คนที่มีทรัพย์น้อยก็ชอบตามใจลูกจนทำให้ลูกมีนิสัยไม่ดีกับเขาด้วย

การตามใจลูก เพราะเห็นว่าถ้าลูกมีความสุขก็จะเป็นสิ่งดีแก่ลูกนั้นเป็นความคิดที่อาจจะผิดได้ ถ้าความสุขนั้นเกิดมาจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไร้สาระไม่เป็นประโยชน์ อย่างเช่นให้ลูกกินขนมที่ไม่มีคุณค่า หรือให้ลูกเล่นเกมส์มากเกิน หรือปล่อยให้ลูกเล่นหรือเที่ยวจนไม่รู้เวลา หรือปล่อยให้ลูกนอนตื่นสายเป็นประจำ หรือปล่อยให้ลูกดูทีวีมากเกินไป เป็นต้น แต่ถ้าความสุขนั้นเกิดมาจากการทำงาน การเรียน หรือการคิดค้น หรือการแก้ปัญหา หรือจากครอบครัวที่สงบสุข เป็นต้นก็จะเป็นความสุขที่ดีมีสารประโยชน์แก่เด็ก.

เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)
*********************