ความโลภนั้นเป็นกิเลสตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าเราจะรู้จักกับมันและควบคุมมันได้มันก็จะไม่สร้างปัญหาให้กับเรามากมายนัก แต่ถ้าเราไม่รู้จักกับมัน มันก็จะสร้างปัญหาให้กับเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ความโลภนั้นก็คือความอยากได้เอาเข้ามาเป็นของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกามารมณ์หรือวัตถุสิ่งของหรือเกียรติยศชื่อเสียง เมื่อคนโลภได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็จะคิดว่าตนเองได้กำไร และไม่คิดว่าจะมีอะไรเสียหาย ยิ่งถ้าคนโลภได้สิ่งใดมาฟรีๆโดยไม่ต้องลงทุนก็จะยิ่งดีใจเพราะคิดว่ามีโชคได้สิ่งนั้นมาฟรีๆโดยไม่ต้องชดใช้ในภายหลัง ซึ่งถ้าจะมองอย่างผิวเผินก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น
ในความเป็นจริงแล้วถ้าเราจะมองอย่างลึกซึ้งเราก็จะพบว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆโดยไม่ต้องลงทุน หรือไม่ต้องชดใช้ในภายหลัง ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าจิตใจที่โลภนั่นเองที่จะได้รับผล เพียงแต่ว่าเป็นผลโดยอ้อมและเป็นผลในรูปแบบที่อาจจะคาดไม่ถึงก็ได้
การที่เราได้สิ่งใดมาโดยที่เราต้องลงทุนอย่างสมเหตุสมผลนั้นจัดว่าเป็นการได้มาที่ถูกต้องหรือเป็นธรรม จึงไม่มีผลอะไรจะตามมาอีกในภายหลัง เหมือนกับการซื้อของที่เราได้จ่ายเงินแล้วอย่างถูกต้อง แต่การที่เราจะได้อะไรมาฟรีๆ หรือเพียงลงทุนเล็กน้อยแต่ว่าได้กำไรงามนั้นจัดว่าเป็นการได้มาที่ไม่ถูกต้องหรือไม่เป็นธรรม เมื่อไม่เป็นธรรมก็ต้องมีการชดใช้ ซึ่งการชดใช้นี้จะต้องมีความคุ้มกับสิ่งที่ได้มาฟรีๆนั้นด้วยเสมอ
การชดใช้นี้จะอยู่ในลักษณะเป็นความทุกข์ยากลำบากที่จะตามมาในภายหลัง อย่างเช่นคนที่เก็บของมีค่าได้ และนำไปขายเอาเงินมาใช้จ่าย ซึ่งจิตของคนที่เก็บของได้นั้นจะมีความดีใจหรือพึงพอใจอย่างยิ่งที่ได้ของฟรี ซึ่งมันจะทำให้ติดใจและอยากที่จะได้ของฟรีๆเช่นนี้อีก ซึ่งนี่ก็คือความโลภที่เพิ่มขึ้น ซึ่งความโลภของคนเรานี้ถ้ามีมากมันย่อมที่จะนำมาซึ่งความเดือดร้อนมากมายในภายหลัง อย่างเช่นทำให้ต้องทำงานหนักเพื่อให้ได้ทรัพย์สินมากๆโดยไม่จำเป็น หรืออาจทำให้เกิดการทุจริตเช่นคดโกงหรือลักขโมยเพื่อให้ได้ทรัพย์สินมาใช้จ่ายอย่างที่เคยได้รับมาฟรีๆอีก และเมื่อทำได้ก็จะได้ใจและทำยิ่งขึ้นซึ่งจะหยุดได้ยาก จนในที่สุดก็จะประมาทจนถูกจับได้และถูกลงโทษในที่สุด หรืออย่างเช่นคนที่เคยได้ของฟรีๆมาจนเคยตัวก็ย่อมที่จะเกิดความเกียจคร้านมากขึ้นถ้าต้องมาทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรม จึงทำให้ไม่ชอบทำงานหนัก หรือเป็นคนหนักไม่เอาเบาไม่สู้ แล้วก็จะส่งผลให้ชีวิตตกต่ำ ไม่เจริญ แล้วก็อาจจะคิดหาทรัพย์ในทางที่ไม่ดีงามได้ เช่น จากการเล่นการพนันต่างๆ หรือจากการประกอบอาชีพที่ทุจริตต่างๆ ซึ่งก็จะทำให้เกิดความเดือดร้อนขึ้นมาได้อีก เป็นต้น
พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาอย่างตามอกตามใจโดยไม่สอนไม่ฝึกให้ลูกทำงานนั้น ก็เท่ากับทำร้ายลูก คือทำให้ลูกได้ของฟรีมาตลอดจนเคยตัว ซึ่งมันจะส่งผลให้ลูกเป็นคนเกียจคร้าน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่รับผิดชอบ และใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ซึ่งเป็นนิสัยที่ไม่ดี เมื่อโตขึ้นก็จะมีแต่ปัญหาและความเดือดร้อนร่ำไป แต่ถ้าพ่อแม่จะรู้จักเลี้ยงดูลูก ให้ลูกรู้จักคุณค่าของสิ่งต่างๆที่จะได้มาว่ามันจะต้องมีการแลกเปลี่ยนอย่างยุติธรรมเสมอ เช่นต้องทำงานบ้านเพื่อจะได้ค่าขนม หรือต้องเก็บหอมรอมริบจึงจะมีเงินมาซื้อของเล่นหรือของใช้ที่อยากได้ เป็นต้น ก็จะทำให้ลูกเป็นคนขยัน ประหยัด อดทน ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น ซึ่งเป็นนิสัยที่ดีงามที่จะส่งผลให้ลูกนั้นมีอนาคตที่ดีงามๆได้เมื่อโตขึ้น
ของฟรีเป็นของอันตรายเสมอ ดังนั้นถ้ามีใครมาให้อะไรเราฟรีๆก็จงอย่าโลภไปอยากได้ของเขา เพราะเมื่อเราได้ของฟรีมา เราก็จะต้องชดใช้อย่างแน่นอนในภายหลัง หรือไม่แน่เราอาจจะถูกหลอกให้รับของฟรีแต่ว่านั่นอาจจะเป็นเหยื่อล่อให้เราต้องสูญเสียทรัพย์หรือเดือดร้อนในภายหลังอย่างมากมายก็ได้
เมื่อได้ของฟรีมาจะทำอย่างไรให้ไม่มีผลเลวร้ายแก่เรา? ซึ่งมีหลายวิธี คืออย่างแรกถ้าเป็นสิ่งของที่ไม่จำเป็น เช่นของที่เก็บได้ หรือไปแย่งชิงหรือเบียดเบียนคนอื่นมาก็ต้องคืนเขาไป ถ้าหาคนคืนไม่ได้ก็ต้องหาทางบริจาคให้แก่สังคมต่อไป แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้บริจาคหรือให้สิ่งของที่จำเป็นมาฟรีๆเราก็ต้องรู้จักใช้ ถ้าบริจาคต่อไปได้ก็ให้บริจาคต่อไป ถ้าจะต้องใช้ก็ต้องตั้งจิตสำรวมรำลึกบุญคุณของผู้ให้ และสัญญากับตนเองว่าจะทำความดีเพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้ให้หรือทำความดีตอบแทนสังคม รวมทั้งเมื่อจะใช้สอยสิ่งของที่ได้รับมาฟรีๆก็ต้องระวังจิตอย่าให้เกิดความโลภหรืออยากได้มากยิ่งขึ้นมาครอบงำจิต คือต้องทำจิตให้รู้จักพอใจในสิ่งที่ได้รับมา และก็ต้องรู้จักใช้ให้ถูกต้องด้วย เช่น ไม่นำมาใช้ในทางที่ผิดหรือไม่จำเป็น รู้จักประหยัดไม่ฟุ่มเฟือย เป็นต้น เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ของฟรีที่ได้รับมาฟรีๆจะไม่เกิดผลเลวร้ายแก่เราได้ เพราะเราได้มีการชดใช้ด้วยการทำความดีเพื่อตอบแทนอย่างเป็นธรรมหรือมากกว่าสิ่งของที่ได้รับมาแล้ว
สรุปได้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะได้มาฟรีๆโดยไม่ต้องชดใช้อย่างยุติธรรม ซึ่งการชดใช้นี้ก็คือการได้รับความทุกข์ยากลำบากมากขึ้นจากการที่จิตของคนที่ได้ของฟรีนั่นเองที่เลวร้ายลง คือมีความโลภมากขึ้น เกียจคร้านมากขึ้น หรือทำชั่วได้ง่ายขึ้น แต่ทำความดีได้ยากขึ้น ซึ่งมันก็จะส่งผลทำให้ชีวิตของคนที่ได้ของฟรีบ่อยๆนี้ไม่มีความเจริญอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งนั่นหมายถึงความทุกข์ยากลำบากในการดำเนินชีวิตที่จะมากขึ้น แต่ถ้าเราได้สิ่งใดมาอย่างถูกต้องและเป็นธรรมก็จะส่งผลให้จิตใจของเราสะอาดและดีงามขึ้น อันจะส่งผลให้ชีวิตของเราเจริญรุ่งเรืองขึ้นได้.
|