น้ำมันแพงจะทำอย่างไร?

ในปัจจุบันน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังมีราคาแพงขึ้นมาก จนทำให้สินค้าต่างๆพากันขึ้นราคาตามไปด้วย จนทำให้จนยากจนเดือดร้อนไปตามๆกัน เพราะพลังงานเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตของเราไปเสียแล้ว ซึ่งทางรัฐบาลกำลังหาทางแก้ปัญหานี้อยู่ด้วยการใช้มาตรการต่างๆเช่นให้ปิดปั๊มน้ำมันตอน ๓ ทุ่มถึงตี ๕ ให้ปิดไฟป้ายโฆษณา ให้สนามกอล์ฟปิดไปตามเวลา และจะให้โทรทัศน์ปิดรายการตอนเที่ยงคืน เป็นต้น ซึ่งนี่ยังไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุด หรือไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุของปัญหา จึงเชื่อว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องราคาน้ำมันแพงได้อย่างที่คิด

การแก้ปัญหาตามแนวทางของศาสนานั้นก็อยู่ที่การประหยัด ซึ่งก็คือให้ใช้จ่ายอย่างประหยัด งดเว้นสิ่งฟุ่มเฟือย หรือหันมาใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ซึ่งเพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องน้ำมันแพงก็จะหมดไป เพราะเราสามารถดำเนินชีวิตอยู่ได้โดยไม่ลำบากถึงแม้จะใช้พลังงานเพียงเล็กน้อยก็ตาม แต่ที่เราเดือดร้อนก็เพราะเรากิน เราใช้ เราเสพสิ่งที่เกินความจำเป็น หรือสิ่งหรูหราฟุ่มเฟือยกันมากเกินไป เรียกว่าติดนิสัยจนเห็นสิ่งฟุ่มเฟือยเป็นของจำเป็นไปเสียแล้ว และยิ่งสังคมส่วนรวมฟุ่มเฟือยกันมากๆ ความเดือดร้อนก็จะยิ่งทวีคูณมากขึ้น ชนิดที่เมื่อจะมาเริ่มประหยัดก็จะอาจสายไปเสียแล้ว เพราะอาจจะไม่มีอะไรมาให้ประหยัด เช่น ไม่มีเงินพอจะมาซื้อหาอาหารมากิน ไม่มีเงินจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟที่แสนแพงได้ เป็นต้น เพราะเงินมากมายได้หมดไปกับความฟุ่มเฟือยในอดีตเสียแล้ว

การประหยัดนั้นคนโง่ที่สุดก็รู้จักประหยัด แต่ว่าคนโง่จะประหยัดเฉพาะเวลาที่เกิดความขาดแคลน ซึ่งเด็กๆก็รู้ว่าจะต้องประหยัดแล้ว ไม่อย่างนั้นจะไม่มีกิน แต่คนฉลาดเขาจะประหยัดกันตั้งแต่ยังมีกินมีใช้เหลือเฟือ เพราะรู้ว่าถ้ายังไม่ขาดแคลนเขาก็มีแต่จะเจริญขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้าขาดแคลนเขาก็จะไม่เดือดร้อน ซึ่งจะต่างกันคนโง่ที่แม้จะไม่ขาดแขลนก็ยังไม่เจริญอยู่ดี ถ้ายิ่งเกิดขาดแคลนก็ต้องจะเดือดร้อนอย่างแน่นอน

การแสวงหาพลังงานมาทดแทนก็เป็นหนทางหนึ่งที่รัฐบาลกำลังหาทางทำอยู่ ซึ่งก็เชื่อว่าจะไร้ผล เพราะพลังงานอะไรจะมาหาง่ายได้เท่าน้ำมันไม่มีอีกแล้ว ถึงแม้จะปลูกพืชมากมายเพื่อเอามาทำน้ำมันก็ไม่มีทางพอ หรือพอก็อาจจะไม่นาน ซึ่งก็จะต้องเกิดปัญหาตามมาอีก เช่นต้องซื้อปุ๋ยราคาแพง ต้องทำลายป่าเพิ่ม เป็นต้น ซึ่งก็ต้องมาตามแก้กันต่อไปอีกไม่รู้จักจบสิ้นเหมือนกับงูกินหางตัวเอง

น้ำมันดิบนั้นเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเกิดขึ้นมาได้ แต่ว่าอาศัยมันสมองของมนุษย์จึงทำให้รู้จักเอาน้ำมันดิบนั้นมากลั่นเพื่อมาใช้กับเครื่องจักรเพื่อทำงานแทนมนุษย์ ซึ่งก็ทำให้เกิดความเจริญทางวัตถุขึ้นมาได้มากมาย แต่สิ่งที่เจริญกลับเป็นสิ่งฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นไปเสียมากมายมหาศาล ช่างน่าเสียดายน้ำมันดิบที่ต้องใช้นานกว่าจะเกิดขึ้นมา แต่ว่ามนุษย์เรากลับนำเอามาใช้กันอย่างไม่รู้คุณค่า คือเผาผลาญน้ำมันเพื่อความสุขสนุกสนาน เพื่อความสะดวกสบาย เพื่อกามารมณ์ เพื่อเกียรติยศชื่อเสียง จนน้ำมันดิบของโลกเริ่มที่จะลดน้อยลง และแน่นอนว่าสักวันก็จะถึงวันที่น้ำมันดิบของโลกจะหมดลง และเมื่อถึงวันนั้นเราก็คงต้องพบกับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสอีกแน่นอน ซึ่งมนุษย์ก็คงต้องแสวงหาพลังงานชนิดอื่นมาทดแทนกันต่อไป ซึ่งแน่นอนว่าพลังงานที่จะมาแทนน้ำมันได้นั้นมันก็จะสร้างปัญหาตามมาอีก เช่นถ้าใช้พลังงานิวเคลียร์ ก็จะทำให้เกิดกัมมันตภาพรังสีที่เป็นพิษต่อร่างกายสิ่งที่มีชีวิตได้ เป็นต้น

สรุปได้ว่า ความเดือดร้อนจากการที่น้ำมันราคาแพงนี้ก็มาจากความฟุ่มเฟือยของเราเอง คือเราดู เราฟัง เราดม เรากิน และเราสัมผัสทางกายเพื่อให้เกิดความสุข ความสนุกสนานเพลิดเพลินกันจนเกินไปอย่างมากมายโดยไม่รู้ตัว เรียกว่าเป็นค่านิยมของสังคมไปเสียแล้ว ถ้าใครฟุ่มเฟือยได้มากก็จะดูว่าร่ำรวย มีเกียรติ ทันสมัย และมีคนนิยมชมชอบและยกย่องกันอย่างยิ่ง แต่ถ้าใครประหยัดก็จะดูว่ายากจน ต่ำต้อยด้อยค่า ล้าสมัยและมีแต่คนดูถูกทับถม ซึ่งความหรูหราฟุ่มเฟือยนั้นมันซ่อนปัญหาเอาไว้ภายใน แม้ภายนอกจะดูว่างดงามก็ตาม ไม่ช้าปัญหามันก็จะระเบิดออกมา ซึ่งการแก้ปัญหาก็ต้องหันมารู้จักประหยัดกันอย่างคนที่ฉลาด ที่แม้ภายนอกจะดูว่าต่ำต้อยด้อยค่าและล้าสมัย แต่ทว่ากลับมีแต่มั่นคง และสงบสุขซ่อนอยู่ภายใน ชนิดที่คนโง่อาจจะมองไม่เห็นก็ได้.

เตชปญฺโญ ภิกขุ
อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
(ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก www.whatami.net)
*********************