เอดส์มัจจุราชผู้น่ารัก โรคเอดส์นับเป็นโรคที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ และมีโอกาสแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางไปทั่วโลก ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ? ถ้าเราจะคิดกันเล่นๆว่า ถ้าผู้คนในโลกจะไม่มีการสำส่อนทางเพศเสียอย่างเดียว โรคเอดส์ก็จะไม่มีทางระบาดไปทั่วโลกเป็นแน่ ซึ่งจุดนี้เองถ้าคิดให้ดีมันไม่ใช่เล่นๆ คือมันเป็นจริงอย่างที่สุด แต่เรากลับมองข้าม เพราะปัจจุบันเรานิยมชมชอบเรื่องทางเพศกันอย่างสุดเหวี่ยง โรคเอดส์จะติดต่อไปยังคนอื่นได้ก็ต้องมีเพศสัมพันธ์กันโดยไม่มีการป้องกัน แต่การป้องกันมันก็ไม่สนุกหรือไม่สุขเต็มที่ ดังนั้นความประมาทคือคิดว่า ไม่เป็นไร หรือ จะเป็นอย่างไรก็ช่างมันจึงตามมา แล้วมันก็พลาดจนได้ ทีนี้ก็มาน้ำตานองหน้าเพราะสิ่งยั่วยวนใจมันรุนแรงจนทนไม่ได้ เมื่อก่อนการจะฆ่ากันก็ต้องใช้อาวุธหรือใช้คนที่ตัวโตน่าเกลียดน่ากลัวมาฆ่าให้ตาย ซึ่งนั่นมันล้าสมัยไปเสียแล้ว เพราะใครๆเขาก็รู้ทันและหนีกันไปหมด แต่มาสมัยนี้มัจจุราชชาญฉลาดที่จะใช้สิ่งที่สวยงาม อรชรอ้อนแอ้น น่ารักน่าใคร่ หรือน่ากอดรัดอย่างที่สุดมาเป็นผู้ฆ่า และมันก็ได้ผลอย่างยิ่ง เพราะทั้งๆที่รู้ บางคนก็ยอมจะเสี่ยงกับความตายเพื่อให้ได้เสพสุขกับมัจจุราชผู้น่ารักนั้น และไม่ช้าก็เร็วคนที่ประมาทก็ต้องน้ำตานองหน้า แม้คู่ครองที่อยู่กับบ้าน ที่แสนดีก็ยังต้องน้ำตานองหน้าเพราะคู่ครองนำมัจจุราชมาให้ถึงที่บ้าน แล้วใครผิด? จะไปโทษคนนำมาฝ่ายเดียวก็ไม่ถูกนัก ถ้าใครจะทนอยู่เป็นโสดโดยไม่มีเพศสัมพันธ์กับใครเลยได้ จึงจะเป็นคนโชคดี แต่บางทีคนที่โชคดีก็ยังอาจโชคร้ายได้เมื่ออยู่ดีๆก็ยังถูกใครไม่รู้มาลากเอาไปข่มขืนและแถมเอดส์ให้อีก แล้วอย่างนี้จะโทษใคร? ก็ต้องโทษที่เกิดมาในสังคมที่ฟอนเฟะนี้ ใครเป็นผู้ทำสังคมให้ฟอนเฟะ? ก็คนเรานี่แหละ คนที่ลุ่มหลงในแสงสีเสียง ลุ่มหลงในเนื้อหนัง และชื่นชมมัจจุราชผู้น่ารักกันทั่วบ้านทั่วเมือง เอดส์จึงครองเมืองได้โดยง่าย และใครเล่าเดือดร้อน? ก็คนโง่ที่เห็นมัจจุราชว่าน่ารัก แต่เห็นความจริงว่าน่าเกลียดน่ากลัว น่าเบื่อหน่ายนั่นเอง ในสังคมปัจจุบัน กระแสแห่งกามารมณ์กำลังรุนแรง ไม่มีใครจะมาต้านทานได้ ถ้ามีใครมาต้านทานก็จะถูกโห่ ถูกมองว่าเชย มัจจุราชผู้น่ารักได้ครอบงำจิตใจผู้คนไว้จนหมดสิ้นแล้ว และค่อยๆฆ่า ค่อยๆทรมานอย่างเงียบๆ โดยปกปิดเอาไว้ไม่ให้คนโง่ได้โอกาสรับรู้ หรือให้ได้รู้บ้างเพียงเล็กน้อยเพราะคนโง่นั้นเมื่อยังไม่เห็นโลงศพจะไม่มีวันหลั่งน้ำตาเด็ดขาด เราจะป้องกันหรือแก้ไขกันอย่างไร? ก็ต้องเริ่มจากตัวเราก่อน คืออย่าไปหลงกินเหยื่อของมัจจุราชสาวสวย หรือมัจจุราชหนุ่มหล่อก็ตาม เมื่อพูดถึงจุดนี้ คนฟังก็หนีหายไปแล้วเกือบหมด? ใครจะไปทนได้ แฟนสวย หรือแฟนหล่อจะให้เลิกหรือทิ้งกันไปได้อย่างไร ? ขอตายด้วยกันก็แล้วกัน ถ้าอย่างนี้ก็หมดหนทางแก้ไข เพราะโอกาสที่แฟนของเราจะไปรับเอดส์มาให้เรานั้นมันมีโอกาสมาก อาจจะพอๆกับเราที่อาจจะไปรับเชื้อมาให้เขาก็ได้ ในปัจจุบันเราเหมือนมีชีวิตอยู่ในปากอสรพิษร้าย ถ้าเผลอเพียงนิดเดียวอาจถึงตายได้โดยง่าย ความไม่ประมาท คือระวังตัวอยู่เสมอเท่านั้นจึงจะปลอดภัย ถ้ายังเห็นเทค เห็นบาร์ เห็นโรงหนังโรงละคร เห็นห้างสรรพสินค้า ฯลฯ เป็นสถานที่น่ารื่นรม แต่เห็นบ้านตัวเองหรือป่าเขา หรือวัดวาอารามเป็นที่น่าเบื่อหน่าย ก็ยังมีโอกาสจะถูกเขี้ยวพิษขบกัดเอาได้โดยง่าย ใครมีความอดทนสูงและฉลาดจะมีโอกาสรอดมากกว่า เราต้องฉลาด มีสติ อย่าลุ่มหลงกับสิ่งมอมเมาของสังคมมากเกินไป ทำจิตให้สงบนิ่งบ้าง(มีสมาธิ) มองชีวิต มองสังคม มองให้เห็นความจริงที่ลึกๆ อย่ามองอะไรตื้นๆเพียงแง่มุมเดียวอย่างคนโง่ที่กำลังเดือดร้อนอยู่และกำลังจะเดือดร้อนในอนาคตทั้งหลาย เราอย่าหนีความจริง ความสุขทั้งหลายของโลกมันเหมือนเหยื่อล่อให้เราติดกับดักของมัน เมื่อเราติดกับ เราก็หนีไปไหนไม่รอด แล้วก็ต้องถูกเขาเอาเปรียบ ถูกทรมาน และถูกฆ่าตายในที่สุด แล้วความสุขเพียงเล็กน้อยก็หายวับไป เหลืออยู่แต่เพียงความทุกข์ทรมานที่แสนยาวนาน เอดส์จึงเหมือนบททดสอบว่ามนุษย์จะมีปัญญาและความอดทนมากน้อยเพียงใด ถ้าใครมีปัญญาและมีความอดทนเพียงพอ ก็เอาตัวรอดไปได้ แต่ใครที่โง่เขลาและไม่อดทนก็ไปไม่รอด ถ้าเรามองให้ดีเราก็จะพบกับความจริงข้อนี้ เมื่อเห็นความจริงนี้ได้ ก็แสดงว่าเราเริ่มมีปัญญาขึ้นมาแล้ว จะเหลือก็แต่ความอดทนเท่านั้น ซึ่งก็ต้องสร้างขึ้นมาเอง ด้วยการหมั่นฝึกฝนสมาธิ และพยายามรักษาความถูกต้อง(ศีล)ของชีวิตเอาไว้ คือธรรมะเท่านั้นที่จะมาช่วยได้ ไม่มีทางอื่น ใครหนีธรรมะ ก็คือหนี ความจริง ถ้ายอมรับธรรมะ ก็จะปลอดภัยจากมัจจุราชผู้แสนน่ารักได้. เตชปัญโญ ภิกขุ อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี
|