อบายมุข แปลว่า ปากทางแห่งความเสื่อม คือหมายถึงว่า ตัวอบายมุขนั้นยังใช่ความเสื่อมโดยตรง แต่มันเป็นเหมือนทางเดินที่จะนำไปสู่ความเสื่อม เมื่อใดที่เราเริ่มติดใจหรือลุ่มหลงในอบายมุข ไม่ว่าจะเป็นชนิดใด ก็เท่ากับว่าเราเริ่มเดินทางไปสู่ความเสื่อมแล้ว ยิ่งเดินนานหรือติดใจลุ่มหลงนาน ก็เท่ากับว่าได้จมอยู่ในความเสื่อมนั้นลึกมากและถอนตัวได้ยาก ซึ่งปัจจุบันผู้คนสมัยนี้ไม่ค่อยจะรู้จักว่าความเสื่อมเป็นอย่างไร เพราะเกิดมาก็อยู่ในสังคมที่มีแต่อบายมุขอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองเสียแล้ว จึงไม่รู้จักว่าอบายมุขนั้นมามันเป็นสาเหตุให้เกิดความเสื่อมได้อย่างไร เหมือนหนอนที่เกิดอยู่ในอุจจาระก็ไม่รู้จักคำว่าเหม็นหรือสกปรก
อบายมุขนั้นเมื่อจำแนกออกแล้วก็ได้แก่ เรื่องการพนันทุกชนิด, เรื่องการดื่มสุราและเสพสิ่งเสพติดทุกประเภท, เรื่องการเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน, แล้วก็ไปเที่ยวโสเภณี, เที่ยวดูหนังดูละคร ดูดนตรี หรือดูการละเล่นต่างๆ, แม้แต่การดูโทรทัศน์หรือวีดีโอหรือเล่นเกมส์เล่นอินเตอร์เน็ตอยู่ที่บ้าน ถ้าเป็นไปเพื่อเสพความสนุกสนานเพลิดเพลินโดยไม่เกิดสติปัญญาก็จัดว่าเป็นอบายมุขอย่างหนึ่ง, ไม่เพียงเท่านี้แม้การคบเพื่อนไม่ดี, และความเกียจคร้านในการเรียนหรือการทำหน้าที่การงาน ก็จัดว่าเป็นอบายมุขหรือสาเหตุของความเสื่อมด้วยเหมือนกัน
ความเสื่อมก็หมายถึง ความไม่เจริญ ซึ่งความไม่เจริญนี้ก็มีทั้งความไม่เจริญทางจิตใจ เช่น โง่เขลา, ไม่มีความรู้ความสามารถ, เกเร, ใจร้าย, เห็นแก่ตัว, ชอบเบียดเบียนชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น, กิริยามารยาททราม เป็นต้น อันส่งผลให้เกิดเป็นความเสื่อมทางด้านครอบครัวและสังคมตามมา เช่น ปัญหาความยากจน, หนี้สิน, ปัญหาครอบครัว, โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์, ปัญหาคอรัปชั่น, ปัญหาการลักขโมยหรือการจี้ปล้น, การทำร้ายกัน, การฆ่า, การข่มขืน, ยาเสพติด, อิทธิพล เป็นต้น ซึ่งเป็นปัญหาที่กำลังเกิดอยู่กับสังคมเราในปัจจุบัน
แม้แต่เด็กวัยรุ่น ถ้าลุ่มหลงติดใจในอบายมุข ก็จะทำให้เกิดความเสื่อมประการต่างๆตามมา เช่น การเรียนตกต่ำทำให้เรียนไม่จบ, ปัญหาเด็กใจแตก, ปัญหาเด็กผู้หญิงท้องก่อนวัย, ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่นโรคเอดส์, ปัญหาเด็กติดยาเสพติด, ปัญหาการลักขโมย, ปัญหาวัยรุ่นยกพวกตีกัน, เด็กไม่เชื่อฟังพ่อแม่ครูอาจารย์, ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่, เด็กวัยรุ่นมีกิริยามารยาททราม, เด็กเกเร, เด็กชอบสร้างปัญหาให้พ่อแม่ผู้ปกครอง เป็นต้น อย่างที่กำลังเกิดอยู่ในสังคมของเราในปัจจุบัน
อบายมุขทั้งหลายนั้น ถ้าบุคคลใดลุ่มหลง บุคคลนั้นก็เสื่อม ถ้าครอบครัวใดลุ่มหลง ครอบครัวนั้นก็เสื่อม ถ้าสังคมใดลุ่มหลง สังคมนั้นก็เสื่อม ถ้าประเทศชาติใดลุ่มหลง ประเทศชาตินั้นก็เสื่อม ซึ่งความเสื่อมนี้ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆแก่ผู้ลุ่มหลง โดยจะทำให้เกิดความตกต่ำ ยากจน เดือดร้อน ถูกลงโทษ และเป็นทาส รวมทั้งทำให้เกิดความหายนะและภัยพิบัติต่างๆตามาอีกด้วย
เรื่องอบายมุขนี้ก็คือเรื่องของความฟุ่มเฟือย หรือสิ่งเกินความจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตของเรา แต่ในปัจจุบันอบายมุขกลับกลายมาเป็นสิ่งที่เข้ามาอยู่ในชีวิตและสังคมของเราจนแยกกันไม่ออก นี่เองที่ปัญหาและความเดือดร้อนต่างๆจึงไม่หมดไปจากชีวิตและสังคมของเราและแม้ของโลก
ขอให้พิจารณาดูให้ดีว่าอบายมุขเหล่านี้มันสร้างความเสื่อมให้อย่างไรบ้าง อบายมุขนั้นมันให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินอย่างยิ่ง แต่มันก็ให้โทษมหันต์ในภายหลัง ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม ถ้าเรามองเห็นและกลัวเราก็ต้องพยายามละเลิกมันเสีย และพยายามช่วยกันเผยแพร่ถึงโทษภัยของอบายมุขทั้งหลายแก่สังคม เพื่อช่วยเหลือสังคมให้พ้นภัยจากอบายมุข รวมทั้งช่วยกันขจัดอบายมุขที่กำลังครอบงำผู้คนให้ลดน้อยลงหรือให้หมดสิ้นไปจากสังคมของเรา แล้วความสุขสงบอันเป็นความเจริญของจิตใจก็จะเกิดขึ้น เมื่อจิตใจเจริญมันก็ง่ายที่จะพัฒนาให้เกิดความเจริญแก่ครอบครัวและสังคมรวมทั้งแก่ประเทศชาติ แต่ถ้ายังละเลิกอบายมุขไม่ได้ หรือทำให้มันลดน้อยลงไม่ได้ ชีวิตของเราและสังคมรวมทั้งประเทศชาติของเรา ก็ย่อมจะจมอยู่ในความเสื่อมกันต่อไป สุดท้ายในเวลาไม่นานนักความพินาศก็จะบังเกิดขึ้น.
|