พุทธแท้-พุทธเทียมต่างกันอย่างไร? ทำไมชาวพุทธจึงไม่รู้ว่า พุทธศาสนาที่กำลังถือยู่นี้เป็นศาสนาปลอมปนหรือพุทธเทียม? ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ชาวพุทธในปัจจุบัน ไม่รู้ว่าพุทธศาสนาที่ตนกำลังนับถืออยู่นี้เป็นของเทียม ก็เพราะชาวพุทธไม่เคยได้รับผลที่แท้จริงจากการมีพุทธแท้ๆเลย คือเมื่อไม่เคยได้พบของแท้เลยก็จึงทำให้เกิดความหลงผิดแล้วก็ไปคว้าเอาของเทียมมายึดถือว่าเป็นของแท้ด้วยความโง่เขลา ถึงแม้จะมีคนมาบอกว่านี่คือของเทียมก็ยังไม่เชื่อ ซ้ำยังไปโกรธคนที่มาบอกเพราะคิดว่าเขาต้องการมาทำลายความเชื่อที่ยึดถืออยู่ เปรียบเหมือนกับคนที่ไม่เคยพบหรือรู้จักเพชรแท้ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร จึงได้ถูกนักต้มตุ๋นหลอกเอาเพชรเทียมมาขายให้โดยบอกว่านี่คือเพชรแท้แน่นอน ซึ่งคนที่ซื้อเพชรเทียมไปก็ย่อมที่จะมีความมั่นใจหรือเชื่อมั่นว่าเพชรที่ตัวเองซื้อมานี้คือของแท้แน่นอน ซึ่งเขาก็ย่อมที่จะมีความเชื่อเช่นนี้ไปจนตายถ้าไม่มีใครนำเพชรแท้มาให้เขาดูเพื่อเปรียบเทียบให้รู้ว่าอันไหนคือของแท้และอันไหนคือของเทียม แล้วผลที่แท้จริงจาการมีพุทธแท้นั้นเป็นอย่างไร? พุทธศาสนาที่แท้จริงจะสอนให้ผู้นับถือเกิดปัญญา และใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต คือจะสอนให้รู้จักใช้เหตุใช้ผลในการศึกษาและบริหารชีวิตของตัวเอง, ครอบครัว, สังคม, ประเทศชาติ, และโลก เมื่อชีวิตดำเนินไปโดยมีสติปัญญาเป็นตัวนำ ชีวิตก็ย่อมที่จะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด หรือมีคุณค่าที่สุด หรือมีประโยชน์ที่สุดจากการมีชีวิต ซึ่งสิ่งที่ดีที่สุด หรือมีคุณค่าที่สุด หรือมีประโยชน์ที่สุดจากการมีชีวิตก็คือ การมีชีวิตที่สุขสงบ และไม่มีความทุกข์ความเดือดร้อนหรือมีน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ คือเรียกง่ายๆว่าผู้ที่เป็นพุทธแท้จะมีความสุขใจ สบายใจ เบาใจ และปลอดโปร่งใจอยู่เสมอ ส่วนพวกความรู้สึกเครียด วิตกกังวล เบื่อหน่าย เศร้าซึม ตลอดไปจนถึงความรู้สึกไม่สบายใจ เร่าร้อนใจ เศร้าโศก เสียใจ แห้งเหี่ยวใจ เป็นต้น ที่เกิดขึ้นมาจาการยึดมั่นถือมั่นในชีวิตและสิ่งรอบๆตัวก็จะไม่มี หรือมีก็มีน้อย ที่เรียกว่าเป็นชีวิตเย็น แต่เมื่อชาวพุทธไม่เคยได้รู้รสของการมีพุทธแท้ จึงไม่มีสิ่งมาเปรียบเทียบ ดังนั้นเมื่อได้รับพุทธเทียมมาให้ยึดถือและปฏิบัติ จึงได้เชื่อมั่นว่านี่คือพุทธแท้ แม้ชีวิตจะยังมีความเครียด วิตกกังวล เบื่อหน่าย เศร้าซึม ตลอดไปจนถึงความรู้สึกไม่สบายใจ เร่าร้อนใจ เศร้าโศก เสียใจ แห้งเหี่ยวใจ เป็นต้น อยู่เสมอก็ตาม ซึ่งในเรื่องนี้หลักคำสอนของพุทธเทียมก็ฉลาดที่จะหาข้อแก้ตัวให้ว่า นี่คือผลสูงสุดจากการมีพุทธแท้แล้ว แต่ที่เรายังมีความทุกข์กันอยู่เช่นนี้ก็เป็นเพราะผลจากกรรมเก่าของเราเองจากชาติปางก่อน ซึ่งเหตุผลลอยๆนี้เองที่ทำให้เราเกิดความเข้าใจผิดไปว่า เราได้มีพุทธแท้แล้ว แต่ว่าเราได้เคยทำไม่ดีมาก่อนจากชาติที่แล้ว ดังนั้นเราจึงต้องรับผลที่ไม่ดีนั้นในชาตินี้ นี่เองที่ทำให้เรากลายเป็นคนยอมรับสภาพที่ตัวเองกำลังประสบอยู่ ที่หาความสุขได้ยาก มีแต่ความทุกข์ความเดือดร้อนมากมายอยู่เสมอๆในชีวิตประจำวัน และก็ไม่พยายามขวนขวายที่จะพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ให้มีความทุกข์ความเดือดร้อนลดน้อยลง และมามีความสุขสงบที่มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ จนกว่าถ้าเขาจะได้มีโอกาสได้รู้สึกถึงความสุขสบาย หรือเบาใจสบายใจ หรือไม่มีทุกข์ที่แท้จริงบ้าง เขาก็จะเข้าใจได้เองว่าสิ่งที่เขากำลังเชื่อถืออยู่นั้นมันเป็นพุทธเทียมไม่ใช่พุทธแท้ เปรียบเหมือนกับหนอนที่เกิดอยู่ในกองพริก ที่ทั้งร้อนและแสบเผ็ด แต่ก็มีความชินชาอยู่กับความร้อนและแสบเผ็ดนั้น จนรู้สึกว่าเป็นของธรรมดาเพราะไม่เคยได้รู้สึกถึงความสุขสบายจากการที่ไม่ต้องร้อนและแสบเผ็ดมาก่อน จนกว่าเมื่อใดที่หนอนนั้นจะได้มีโอกาสมาอยู่นอกกองพริกและรู้สึกถึงความสุขสบาย จากการที่ไม่ต้องอยู่ในกองพริกที่ทั้งร้อนทั้งแสบเผ็ดนั้นบ้าง หนอนนั้นก็จะเข้าใจได้เองว่าการอยู่ในกองพริกนั้นมันร้อนและแสบเผ็ดเพียงใด และก็จะทำให้เกิดความพยายามแสวงหาวิธีการที่จะหลีกหนีจากกองพริกที่ทั้งร้อนและแสบเผ็ดนั้นต่อไป พุทธเทียมนั้นไม่ได้สอนเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน แต่จะสอนให้อดทนพากเพียรปฏิบัติกันในชาตินี้ เพื่อไปดับทุกข์เอากันในชาติต่อๆไปในอีกร้อยชาติพันชาติ ที่สำคัญพุทธเทียมจะเน้นสอนให้เชื่อมั่นเอาไว้ก่อน โดยจะสอนให้เชื่อจากตำราบ้าง จากครูอาจารย์บ้าง โดยห้ามถามห้ามสงสัยเพราะไม่สามารถพิสูจน์ให้เห็นจริงได้ ส่วนเรื่องปัญญานั้นจะไม่เน้น เพราะถ้าเน้นเรื่องปัญญาก็จะทำให้ตำราและครูอาจารย์หมดความหมายลงไปทันที ส่วนเรื่องการสอนให้เป็นคนดีนั้นก็มีอยู่ แต่ก็เป็นคนดีที่ไร้ปัญญา ซึ่งการสอนให้เป็นคนดีแต่โง่เขลานั้นไม่ใช่หลักคำสอนของพุทธแท้ เพราะพุทธแท้จะสอนให้เป็นคนดีที่มีสติปัญญาหรือเฉลียวฉลาดด้วยเมตตา ซึ่งหลักของพุทธเทียมนั้นจะเป็นหลักของไสยศาสตร์ ที่หมายถึงหลักวิชาของคนหลับ หรือคนที่ยังไม่ตื่น หรือยังละเมอๆอยู่ คือจะทำอะไรๆไปอย่างกับคนละเมอที่ทำไปโดยไม่รู้ตัว คือทำแบบไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักการ แต่จะทำแบบลอยๆเพราะไม่มีหลักฐานมายืนยัน จะอาศัยความเชื่อมั่นเพียงอย่างเดียว และก็ต้องเป็นความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา เพราะถ้าความเชื่อของไสยศาสตร์จะประกอบด้วยปัญญาเมื่อใด ไสยศาสตร์ก็จะไม่สามารถตั้งอยู่ได้ โดยหลักของไสยศาสตร์จะเน้นสอนให้เชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ เรื่องโชคลาง เรื่องผู้วิเศษหรือสิ่งวิเศษ ที่เป็นเรื่องอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติ ซึ่งก็รวมทั้งเรื่องการเวียนว่ายตาย-เกิดทางร่างกาย เรื่องชาติก่อนชาติหน้า เรื่องกรรมชนิดข้ามภพข้ามชาติ รวมทั้งเรื่องนรกใต้ดิน สวรรค์บนฟ้า ผี เทวดา นางฟ้า พระอินทร์ พระพรหม ยมบาล เป็นต้น อีกด้วย อย่างที่ชาวพุทธในปัจจุบันกำลังเชื่อถือกันอยู่โดยทั่วไป ส่วนพุทธแท้นั้นจะสอนให้เกิดปัญญา หรือสอนให้เป็นคนเฉลียวฉลาดด้วยเมตตา ซึ่งปัญญานั้นก็ต้องคู่กับเหตุผลและหลักฐานเสมอ รวมทั้งเมื่อจะเชื่อก็ต้องมีการพิสูจน์จนเห็นผลอย่างแน่ชัดเสียก่อนแล้วเท่านั้น และที่สำคัญพุทธแท้จะสอนเฉพาะเรื่องการดับทุกข์ของจิตใจมนุษย์ในปัจจุบันเท่านั้น โดยคำว่า พุทธะ แปลว่า รู้ (รู้แจ้งเห็นจริงใจชีวิตและโลก), ตื่น (ตื่นจากความโง่หรือความไม่รู้), เบิกบาน (สดชื่น ไม่มีทุกข์) ซึ่งก็หมายถึงการมีปัญญาเห็นแจ้งโลก และหายจากความโง่ รวมทั้งไม่มีความทุกข์ด้วย ซึ่งพุทธแท้นี้มีหลักการเป็นวิทยาศาสตร์ ที่เป็นหลักในการค้นหาความจริงของธรรมชาติที่ได้ผลถูกต้องที่สุดและไม่มีทางผิดพลาด เพราะวิทยาศาสตร์จะศึกษาจากสิ่งธรรมดาๆที่มีอยู่จริงที่เราทุกคนสามารถสัมผัสได้ และไม่สอนเรื่องลึกลับไกลตัว แต่สอนเรื่องภายในร่างกายและจิตใจของเราเองที่เป็นเรื่องธรรมดาๆแต่ว่าค่อนข้างจะลึกซึ้งอยู่สักหน่อยเท่านั้นเอง โดยการศึกษาก็ต้องใช้เหตุใช้ผลจากสิ่งที่มีอยู่จริง ที่เราทุกคนสามารถสัมผัสได้จริงในปัจจุบันโดยไม่ต้องใช้ความสามารถพิเศษอะไรเลยมาใช้ในการศึกษา ซึ่งเมื่อเราศึกษาจากสิ่งที่มีอยู่จริงและจากสิ่งที่เราสามารถสัมผัสได้ ความผิดพลาดจึงไม่มี จะมีแต่ความถูกต้องเสมอ และจะทำให้เราเกิดความเข้าใจได้อย่างถูกต้องที่สุด รวมทั้งยังเกิดความเห็นแจ้ง (รู้จริง) ขึ้นมาได้อีกด้วย สรุปได้ว่า พุทธแท้จะเป็นวิทยาศาสตร์ ที่สอนเรื่องธรรมดาๆแต่มีเหตุผล พิสูจน์ได้ รวมทั้งยังช่วยดับทุกข์ของจิตใจเราในปัจจุบันให้ลดน้อยลงตลอดจนไม่มีเลยได้ ส่วนพุทธเทียมจะเป็นไสยศาสตร์ ที่สอนเรื่องลึกลับไกลตัว ที่ไร้เหตุผล พิสูจน์ไม่ได้ รวมทั้งยังช่วยดับทุกข์ไม่ได้ จะทำได้ก็เพียงทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างจากการมีความหวังขึ้นมาจากความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาเท่านั้น อีกทั้งยังจะกล่อมเกลาให้เกิดความยอมจำนนต่อสภาพที่ไม่ดีหรือตกต่ำของตนเองอีกด้วย และเมื่อชาวพุทธยังไม่รู้จักพุทธแท้ ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าพุทธเทียมนี้คือพุทธแท้เรื่อยไป จนกว่าชาวพุทธจะได้รู้จักว่าพุทธแท้นั้นเป็นเช่นไร ก็จะทำให้พุทธเทียมหายไปได้ จึงขอฝากให้ชาวพุทธได้ช่วยกันศึกษาเรื่องพุทธแท้-พุทธเทียมนี้ให้เข้าใจอย่างถูกต้อง เพื่อที่จะได้นำพุทธแท้ให้กลับมาเป็นประโยชน์ต่อชาวพุทธและประเทศชาติ รวมทั้งแก่โลกตามเจตนารมณ์ของพระพุทธเจ้ากันต่อไป เตชปญฺโญ ภิกขุ ๒๒ ม.ค. ๒๕๕๔ อาศรมพุทธบุตร เกาะสีชัง ชลบุรี (ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.whatami.net ) |